ดรามา "จ่ายจบ" แลกเกณฑ์ทหาร โอกาสคนรวย ปิดประตูคนจน

Fri, 10 Jan 2025 10:30:00
ในความคิดส่วนตัวคือใครไม่เป็นก็จ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนเพื่อมาช่วยในเรื่องค่าตอบแทนที่เพิ่มขึ้นของผู้สมัครใจที่เข้ามา

กระแสดรามาจากความเห็นส่วนตัวของพล.ท.ทวีพูล ริมสาคร ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน (ผบ.นรด.) ที่ระบุว่าหากใครที่ไม่ต้องการเป็นทหารเกณฑ์ ก็ให้จ่ายเงินเข้ากองทุน เพื่อนำไปสนับสนุนพลทหารแทน

พร้อมระบุว่า เป็นเพียงแนวคิดหนึ่งที่เสนอเท่านั้น เพราะมีทั้งข้อดี ข้อเสีย ที่บางคนก็มองว่า เป็นการแบ่งชนชั้นหรือไม่ แต่จุดนี้ก็จะแก้ไขปัญหาเรื่องค่าตอบแทนที่เป็นแรงจูงใจได้ ทั้งนี้ก็ต้องพิจารณาเพิ่มเติมเพื่อหาทางเลือกที่เหมาะสมที่สุด

บรรยากาศการเกณฑ์ทหารปี 2567

บรรยากาศการเกณฑ์ทหารปี 2567

ค่ายทหารสำหรับคนจน-กำลังพลถูกทารุณกรรม

ขณะที่นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ฐานะประธานกมธ.ทหาร กล่าวว่า แนวคิดนี้มันไม่ถูกต้อง แก้ผิดจุด ควรปรับทัศนคติใหม่ ทำให้ประชาชนมั่นใจว่าเป็นทหารปลอดภัยไม่ตาย จะเกิดความเหลื่อมล้ำระหว่างคนจนกับคนรวย และจะกลายเป็นว่า ค่ายทหารมีไว้สำหรับคนจน

นายวิโรจน์ กล่าวว่า ถึงแม้จะเป็นพลทหาร ก็ต้องทำหน้าที่จริง ๆ แต่ทุกวันนี้ยังเห็นมีการทำรุณกรรมอยู่บ้าง แม้จะส่วนน้อยถ้าเทียบกับ 90,000 นายอาจจะจริง

แต่ถ้าเทียบการตายในค่ายทหาร ถูกทำร้ายร่างกายจิตใจถูกกระทืบจากทหารเพื่อนร่วมชาติที่ยศสูงกว่า แค่คนเดียวก็ไม่ควรเกิดขึ้น ถ้าเทียบกับการไปทำหน้าที่ปกป้องประเทศ และเสียชีวิตเราก็เสียใจและเข้าใจได้

นายวิโรจน์ กล่าวว่า ส่วนตัวยังเดาใจของพล.ท.ทวีพูล ว่าปัจจุบันคนรวยที่ไม่อยากเกณฑ์ก็จ่ายเงินอยู่แล้วใน 2 ขั้นตอน คือ จ่ายให้กับสัสดี คาดการณ์ว่า 2,000 ล้านบาทต่อปีส่วนคนที่จับได้ใบแดงต้องเข้ากรมทหารก็มีการยกเงินเดือนให้นายในส่วนนี้ คาดว่า 2,000 ล้านบาทต่อปี จึงน่าจะต้องการนำเรื่องใต้ดินมาอยู่บนดิน

เป็นวิธีคิดที่ผิดเพราะสิ่งที่อยู่ใต้ดินไม่ใช่อบายมุข ไม่สามารถทำให้การทุจริตคอรัปชัน การรับสินบน การฉ้อราษฎร์บังหลวง กลายเป็นเรื่องที่ถูกกฎหมายไม่ได้
บรรยากาศการเกณฑ์ทหารปี 2567

บรรยากาศการเกณฑ์ทหารปี 2567

"กลาโหม" ยอมรับเป็นข้อเสนอที่ต้องถก

ด้านนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม บอกเรื่องนี้เป็นเพียงแค่ความคิดเห็นส่วนตัวของ พล.ท.ทวีพูล ซึ่งทางกระทรวงกลาโหมได้เปิดให้แสดงความคิดเห็น และหาทางออกว่าจะช่วยแก้ปัญหานี้อย่างไร 

ข้อเสนอนี้ก็คงรับไว้ จะได้เอาเรื่องนี้ไปพิจารณาและคุยกัน แต่คงต้องระมัดระวัง เมื่อมีด้านดีก็ต้องมีเสีย เพราะคนที่มีเงินก็ไม่ต้องเป็นทหาร จึงต้องพิจารณาให้รอบคอบ ถือเป็นอีกหนึ่งความเห็นที่ทางกระทรวงกลาโหมกำลังรวบรวมอยู่

นายภูมิธรรม กล่าวว่า ส่วนจะเป็นไปได้หรือไม่ ตอบได้ยาก เพราะกำลังดูว่าตอนนี้สังคมกำลังอยากเห็นการสมัครใจเป็นทหาร ต้องคำนึงอยู่บนพื้นฐาน และก็ต้องการให้กองทัพมีศักยภาพที่พร้อมจะป้องกันประเทศได้ จึงได้บอกผู้นำเหล่าทัพไปว่าให้เอาขั้นต่ำที่มีกำลังพอเพียงที่จะป้องกันประเทศ 

กางงบกองทัพ-ข้อเสนอลดกำลังคน-ลดงบ

ข้อมูลโครงการลดการเกณฑ์ทหาร: หนทางในการลดงบประมาณรายจ่ายบุคลากรกระทรวงกลาโหม ของนายเดชรัต สุขกำเนิด ผู้อำนวยการ Think Forward Center เผยแพร่ข้อมูลเมื่อ 15 มิ.ย.2564 ดังนี้


กองทัพไทยมีอัตรากำลังพลต่อกำลังแรงงานเพิ่มขึ้นจาก 0.95% ของกำลังแรงงาน ในปี 2533 มาเป็น 1.17% ของกำลังแรงงาน ในปี 2561 (หรือเพิ่มขึ้น 23% โดยเปรียบเทียบ)

ในขณะที่ภาพรวมของทั้งโลกมีอัตรากำลังพลต่อแรงงานลดลงจาก 1.11% มาเป็น 0.81% ของกำลังแรงงาน ในช่วงเวลาเดียวกัน (หรือลดลง 27% โดยเปรียบเทียบ)

แต่ละปีประเทศไทยมีการเกณฑ์ทหารปีละประมาณ 100,000 คน และมีทหารกองประจำการ (หรือทหารเกณฑ์) ทั้งหมดในปี 2563 ประมาณ 134,618 คน ซึ่งจะใช้งบประมาณราว 16,000 ล้านบาท/ปี

การลดจำนวนทหารเกณฑ์จึงเป็นหนทางสำคัญในการลดงบบุคลากรของกองทัพลง โดยควรตั้งเป้าหมายเบื้องต้นอย่างน้อยลดงบประมาณทหารเกณฑ์ลงครึ่งหนึ่งหรือ 8,000 ล้านบาท หรือลดจำนวนทหารกองประจำการลง 65,000 คน

 


4 ลูกเรือไทยถูกลืม ? คอลเซนเตอร์เฟื่องฟู โรมจี้นายกฯ เร่งแก้

Thu, 9 Jan 2025 16:44:00

วันนี้ (9 ม.ค.2568) นายรังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคประชาชน และประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ สภาผู้แทนราษฎร แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับความล่าช้าในการแก้ไขปัญหากรณี 4 ลูกเรือประมงไทยที่ถูกจับกุมโดยรัฐบาลเมียนมา พร้อมตั้งข้อสังเกตถึงการขาดความชัดเจนในแนวทางการดำเนินการจากรัฐบาลไทย

นายรังสิมันต์ระบุว่า คณะกรรมาธิการได้พยายามหารือแนวทางการเจรจากับรัฐบาลเมียนมาเพื่อปล่อยตัวลูกเรือไทย แต่ยังไม่มีการตอบรับที่ชัดเจนจากรัฐบาลเกี่ยวกับมาตรการที่ดำเนินการหรือระยะเวลาที่จะสามารถนำพวกเขากลับสู่ประเทศไทยได้ สิ่งที่ รบ.ไทยควรทำ คือการแสดงจุดยืนที่เข้มแข็งผ่านการใช้กลไกการเจรจาต่อรอง เช่น การพิจารณาสิทธิประโยชน์ทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ

แต่สิ่งที่เราเห็นคือความเฉื่อยชาและขาดความสำคัญต่อชีวิตพลเมืองของเรา

นายรังสิมันต์ยังชี้ว่า กรณีนี้เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่สะท้อนถึงความเสียเปรียบของไทยในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยเน้นว่าการประท้วงอย่างเป็นทางการต่อรัฐบาลเมียนมาควรได้รับการพิจารณาอย่างจริงจัง เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ เราต้องแสดงความพร้อมในการปกป้องพลเมืองของเรา ไม่ใช่ปล่อยให้เรื่องเงียบหาย

คอลเซนเตอร์ล้อมรอบชายแดนไทย

นอกจากนี้ นายรังสิมันต์ยังได้เปิดเผยข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับแก๊งคอลเซนเตอร์ที่ดำเนินการอยู่รอบชายแดนประเทศไทย โดยระบุว่ามีฐานปฏิบัติการทั้งหมด 75 แห่ง กระจายอยู่ในเมียนมา กัมพูชา และพื้นที่อื่น ๆ เขาชี้ว่าปัญหานี้ส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของประเทศไทยและสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาล

ปัญหานี้ไม่ใช่แค่เรื่องภายในประเทศ แต่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มองว่าประเทศไทยไม่ปลอดภัย นายรังสิมันต์กล่าว พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการอย่างเร่งด่วนในการป้องกันและปราบปรามเครือข่ายอาชญากรรมดังกล่าว

นายรังสิมันต์ยังตั้งข้อสงสัยว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐบางส่วนอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับกระบวนการค้ามนุษย์และการดำเนินงานของแก๊งคอลเซนเตอร์ โดยเรียกร้องให้ ผบ.ตร. สั่งการตรวจสอบอย่างจริงจังเพื่อฟื้นฟูความน่าเชื่อถือขององค์กร เราไม่สามารถปล่อยให้คนมีสีหรือผู้มีอำนาจบางคนแสวงหาผลประโยชน์จากความทุกข์ของผู้อื่นได้

ซิงซิงกระทบภาพลักษณ์ท่องเที่ยว

นายรังสิมันต์ยังได้กล่าวถึงกรณีของ "ซิงซิง" ดาราชาวจีนที่หายตัวไปในพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมา โดยระบุว่ามีข้อมูลว่าเขาถูกขายต่อให้กับแก๊งคอลเซนเตอร์ที่ปฏิบัติการในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งชี้ให้เห็นถึงการค้ามนุษย์และการดำเนินการของเครือข่ายอาชญากรรมที่ยังคงอยู่ในระดับที่น่ากังวล พร้อมยังกล่าวว่า กรณีนี้สะท้อนถึงความล้มเหลวของรัฐในการป้องกันและแก้ไขปัญหา ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของประเทศไทย

ทั้งนี้ นายรังสิมันต์ยังเสริมว่าหากประเทศไทยไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างจริงจัง จะนำไปสู่ความไม่ปลอดภัยที่ชัดเจนในสายตาของนักท่องเที่ยว และจะทำให้ความเชื่อมั่นต่อประเทศไทยลดลง

เร่งสืบเบื้องหลังคนสั่งยิง ลิม กิมยา 

สำหรับกรณีการลอบยิง นายลิม กิมยา อดีต สส.กัมพูชา ในประเทศไทย นายรังสิมันต์ตั้งข้อสงสัยว่าผู้ก่อเหตุน่าจะมีความเกี่ยวข้องกับผู้มีอำนาจในพื้นที่ โดยเรียกร้องให้ตำรวจไทยขยายผลการสืบสวนเพื่อนำผู้ที่อยู่เบื้องหลังมารับโทษ เราไม่สามารถหยุดที่การจับกุมมือปืนเท่านั้น ต้องมีการสืบสวนไปยังผู้ที่อยู่เบื้องหลัง

เพื่อแสดงให้เห็นว่าประเทศไทยไม่ใช่พื้นที่ที่อาชญากรรมสามารถเกิดขึ้นได้โดยไม่มีการรับผิดชอบ

ทั้งนี้ นายรังสิมันต์เสนอให้รัฐบาลยกระดับการเจรจาต่อรองกับรัฐบาลเมียนมา โดยใช้กลไกที่มากกว่าแค่กระทรวงการต่างประเทศ และเรียกร้องให้ นายกฯ แพทองธาร ชินวัตร มีบทบาทนำในการแก้ไขปัญหาอย่างบูรณาการ นอกจากนี้ยังเตือนว่าหากรัฐบาลยังคงเพิกเฉยต่อปัญหาเหล่านี้ อาจนำไปสู่การอภิปรายไม่ไว้วางใจในสภาผู้แทนราษฎร

รัฐบาลต้องเปลี่ยนวิธีคิดและยกระดับการดำเนินการ ไม่ใช่แค่แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า แต่ต้องมีแผนระยะยาวเพื่อฟื้นฟูความเชื่อมั่นของประชาชนและนานาชาติ นายรังสิมันต์สรุป

อ่านข่าวอื่น :

ตร.เร่งคลายปม เหตุ "คนกาญจนบุรี" ตกตึก 18 ชั้นในปอยเปต

ลอบสังหารอดีต สส. “เพื่อนบ้าน” ส่อบาน โยงปมขัดแย้งการเมืองในกัมพูชา


“สม รังสี” จุดไฟใส่ “ฮุนเซน” เบื้องหลังสั่งตาย “ลิม กิมยา”

Wed, 8 Jan 2025 19:00:00

หลังเกิดเหตุปลิดชีพ “ลิม กิมยา” อดีต สส.พรรคกู้ชาติกัมพูชา (Cambodia National Rescue Party -CNRP) วัย 74 เสียชีวิต บริเวณเกาะกลางถนน ตรงข้ามวัดบวรนิเวศวิหาร เขตรับผิดชอบของ สน.ชนะสงคราม กลางเมืองหลวงของไทย เมื่อวันที่ 7 ม.ค.ที่ผ่านมา กลายเป็นประเด็นใหญ่สะเทือนไทย-กัมพูชา และได้ถูกจับตาในภูมิภาค ด้วยเหตุ คนตาย คือ นักการเมืองกัมพูชาที่ถือสัญชาติฝรั่งเศสด้วย

แม้ขณะนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขอศาลอาญาออกหมายจับ ”เอกลักษณ์ แพน้อย” หรือ จ่าเอ็ม อดีตทหารเรือ มือปืนตามหมายจับที่ 84/2568 ลงวันที่ 8 ม.ค.2568 ในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน พกพาอาวุธไปในเมืองหมู่บ้านและทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร ยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดซึ่งใช้เหตุในเมือง แต่ยังไม่สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้

ลิม กิมยา อดีต สส.พรรคกู้ชาติกัมพูชา (Cambodia National Rescue Party -CNRP)

ลิม กิมยา อดีต สส.พรรคกู้ชาติกัมพูชา (Cambodia National Rescue Party -CNRP)

ช่วงสายวันนี้ ( 8 ม.ค.2568) Sam Rainsy หรือ “สม รังสี” อดีตผู้นำฝ่ายค้านของกัมพูชา โพสต์เฟซบุ๊กข้อความเป็นภาษาเขมร, ภาษาฝรั่งเศส และภาษาอังกฤษ โดยกล่าวหาว่า “ฮุนเซน” ประธานองคมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา บิดาของ “ฮุน มาเนต” นายกรัฐมนตรีกัมพูชาคนปัจจุบัน คือ ผู้อยู่เบื้องหลังการลอบสังหาร “ลิม กิมยา”

เฟซบุ๊ก ของ Sam Rainsy มีผู้ติดตามจำนวน 5.1 ล้านคน โดยข้อความที่เขาโพสต์และถอดความจากภาษาอังกฤษ ในหลายช่วงตอนที่น่าสนใจ

...ลิม กิมยา ก็เหมือนกับผม คือ อาศัยอยู่ในฝรั่งเศสมาหลายปี และถือสัญชาติฝรั่งเศส-กัมพูชา 2 สัญชาติ

ลิม กิมยา ก็เหมือนกับผม และเหล่านักเคลื่อนไหวที่กระตือรือร้นที่สุดของฝ่ายค้านประชาธิปไตย นั้นมีชื่ออยู่ในบัญชีดำของฮุนเซน ผู้ซึ่งไม่ลังเลในการลงมือก่ออาชญากรรมใด ๆ

สม รังสี ระบุว่า ตัวเขาเองก็ตกเป็นเป้าหมายของการลอบสังหารหลายครั้ง และย้ำว่า นับวันเผด็จการทั่วโลกหันมาใช้การปราบปรามข้ามชาติมากขึ้นเรื่อย...และหวังว่าทางการไทยจะให้ความร่วมมือกับตำรวจฝรั่งเศส มากกว่าที่ทางการกัมพูชาเคยเป็น ในการฉีกหน้ากากมือไม้ที่ก่อการอยู่ในประเทศไทย

ปฏิเสธไม่ได้ว่า “สม รังสี” เป็นนักวิจารณ์และคู่ต่อสู้ของฮุนเซนที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เขา และฮุนเซนเป็นไม้เบื่อไม้เมาทางการเมืองมานานหลายทศวรรษ แม้จะเป็นอดีตผู้นำฝ่ายค้านและผู้ร่วมก่อตั้งพรรคกู้ชาติกัมพูชาในปี 2555

สม รังสี อดีตผู้นำฝ่ายค้านของกัมพูชา

สม รังสี อดีตผู้นำฝ่ายค้านของกัมพูชา

และถูกศาลกัมพูชาตัดสินความผิดหลายครั้ง โดย สม รังสี ลี้ภัยอยู่ในประเทศฝรั่งเศส ตั้งแต่ปี 2559 เพื่อเลี่ยงโทษจำคุกจากข้อหาหมิ่นประมาท ข้อหากบฏ และข้อหาอื่น ๆ โดยการเลือกตั้งในปี 2561 ศาลสูงได้สั่งยุบพรรคฝ่ายค้าน ทำให้ สส.จำนวน 20 คน ถูกถอดออกจากรัฐสภา หลบหนีออกจากกัมพูชาผ่านไทย ก่อนจะเดินทางไปอาศัยอยู่ที่สหรัฐฯ และออสเตรเลีย

เหตุการณ์ครั้งนั้น ส่งผลให้พรรคของฮุนเซนชนะการเลือกตั้งและครองทุกที่นั่งในสภา

ขณะที่ “ลิม กิมยา” ไม่ยอมหนีไปต่างประเทศ ทั้ง ๆ ที่ยังถือสัญชาติฝรั่งเศส เขาปักหลักอยู่ในบ้านเกิด และมักบอกกับคนใกล้ชิดเสมอว่า ไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น ก็จะไม่เลิกเล่นการเมือง และยังคงใช้ชีวิตตามปกติอยู่กับครอบครัว
สมเด็จฮุนเซน ประธานองคมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา

สมเด็จฮุนเซน ประธานองคมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา

ในช่วงมีความเคลื่อนไหวของคนไทยที่ออกมาเคลื่อนไหวให้รัฐบาลยกเลิก MOU “เกาะกูด” ระหว่างไทย-กัมพูชา เมื่อช่วงปลายปี 2567 ลิม กิมยา อดีต สส.ฝ่ายค้านได้โพสต์เฟซบุ๊ก แสดงความเห็นว่าเกาะกูดเป็นของกัมพูชา และเรียกร้องให้นำเรื่องเกาะกูดเข้าสู่ศาลโลก เหมือนกรณีเขาพระวิหาร

เช่นเดียวกับนักการเมืองฝ่ายค้านที่ลี้ภัยในต่างแดน นำโดย สม รังสี ได้ออกมาเคลื่อนไหวเพื่อทวงคืนเกาะกูด และโจมตีรัฐบาลฮุน มาเนต ขายชาติ เตรียมยกเกาะกูดให้ไทย

อย่างไรก็ตาม หากมองย้อนกลับไปในอดีต พบว่า สม รังสี ได้รับความนิยมจากประชาชนกัมพูชาในระดับหนึ่ง และเคยพยายามจะปลุกระดมมวลชนโค่นล้มระบอบฮุนเซนหลายครั้ง แต่ไม่สำเร็จ โดยเฉพาะหลังเดินทางกลับจากฝรั่งเศส และวางแผนเดินทางกลับไปยังประเทศกัมพูชา ผ่านชายแดนด้าน อ. อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เพื่อข้ามแดนเข้าสู่ จ.ปอยเปต พร้อมแรงงานชาวกัมพูชาที่อาศัยอยู่ในไทย เมื่อวันที่ 8 พ.ย.2562

แต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ในขณะนั้นไม่ยอม พร้อมระบุว่า ตามมติของอาเซียนที่จะไม่ยุ่งกิจการภายในซึ่งกันและกัน และไม่ยอมให้ผู้ต่อต้านรัฐบาลมาใช้พื้นที่ไทยในการเคลื่อนไหว ทำให้แผนการเดินทางกลับสู่มาตุภูมิของสม รังสี ไม่ประสบความสำเร็จ

จึงไม่แปลกหาก สม รังสี จะใช้จังหวะนี้ในการสางแค้นกับ “ฮุนเซน” โดยฟันธงว่า เป็นผู้อยู่เบื้องหลังของการเสียชีวิตของ “ลิม กิมยา”

นับถอยหลังเพื่อให้ได้คำตอบ คงต้องรอผลการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจไล่ล่า “จ่าเอ็ม” มือปืนให้ได้ เพื่อคลี่ปมคดีว่า ใครคือ ผู้อยู่เบื้องหลังการสั่งตายในครั้งนี้ และสาเหตุหลักเกิดจากปัญหาทางการเมืองหรือเรื่องส่วนตัว

อ่านข่าว : คืนอิสรภาพ "มิน" ปล่อยตัวพ้นเรือนจำ หลังอัยการไม่สั่งฟ้อง

“ซิงซิง” เหยื่อทุนจีนสีเทา ถึงคราวพึ่ง “ทักษิณ” ช่วยปราบ

วันเด็ก 2568 ปักหมุดสถานที่จัดงาน กับกิจกรรม-ของขวัญมากมาย


เปิด 41 รายชื่อ "ราชสีห์คลองหลอด" ปลัดมท.เซ็นแต่งตั้ง 4 ฉบับรวด

Wed, 8 Jan 2025 16:39:00

วันนี้ (8 ม.ค.2568) นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ลงนามในคำสั่งกระทรวงมหาดไทย 4 ฉบับ โอนย้ายข้าราชการพลเรือน ย้ายข้าราชการ แต่งตั้งข้าชการ และโอนย้ายข้าราชการพลเรือนสามัญ ดำรงตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัด รวมทั้งสิ้น 41 ตำแหน่ง เมื่อวันที่ 7 ม.ค.2568 ดังนี้

1.นายไพบูลย์ ศุภบุญ ปลัดจังหวัดอ่างทอง เป็น รองผู้ว่าฯ อ่างทอง 2.นายเทพรัตน์ ตันตยานนท์ ปลัดจังหวัดอำนาจเจริญ เป็นรองผู้ว่าฯ อำนาจเจริญ 3.นายกิติพล เวชกุล ผู้ตรวจราชการกรมการพัฒนาชุมชน เป็นรองผู้ว่าฯ พิจิตร

4.นายนิกูล ธนวรเมธ ผู้ตรวจราชการกรมที่ดิน เป็นรองผู้ว่าฯ มุกดาหาร 5.นายศิวกร บัวป้อง ผู้อำนวยการช่วยเหลือผู้ประสบภัย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นรองผู้ว่าฯ เชียงใหม่ 6.นายธีรยุทธ สำราญทรัพย์ ผู้ตรวจราชการกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เป็นรองผู้ว่าฯ สุโขทัย 7.นายสมพร กาญจน์นิรันดร์ รองอธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง เป็น รองผู้ว่าฯ จันทบุรี

8.นายรุจติศักดิ์ รังสี รองผู้ว่าฯ กาฬสินธุ์ เป็นรองผู้ว่าฯ เชียงราย 9.นายภูมิวัชร์ อุดมทรัพย์ รองผู้ว่าฯ สระแก้ว เป็น รองผู้ว่าฯ นครนายก 10.นายรณภพ เวียงสิมมา รองผู้ว่าฯ กาญจนบุรี เป็นรองผู้ว่าฯ นครปฐม 11.ว่าที่ร้อยตรี รวยรุ่ง ใครบุตร รองผู้ว่าฯ สกลนคร เป็นรองผู้ว่าฯ นครพนม 12.นายเศวต เพชรนุ้ย รองผู้ว่าฯ สงขลา เป็นรองผู้ว่าฯ นครสวรรค์ 13.ว่าที่ร้อยตรี ขรรค์ไชย ทันธิมา รองผู้ว่าฯ พิจิตร เป็นรองผู้ว่าฯ ยโสธร

14.นายก้องสกุล จันทราช รองผู้ว่าฯ พัทลุง เป็นรองผู้ว่าฯ ยะลา 15.นายสุวัฒน์ เข็มเพชร รองผู้ว่าฯ ยโสธร เป็นรองผู้ว่าฯ ร้อยเอ็ด 16.นายราชัน มีน้อย รองผู้ว่าฯ เชียงราย เป็นรองผู้ว่าฯ ระนอง 17.นายทรงศักดิ์ ทรงอยู่ รองผู้ว่าฯ ยะลา เป็นรองผู้ว่าฯ ศรีสะเกษ 18.พันจ่าโท อนันต์ สำราญ รองผู้ว่าฯ ตรัง เป็นรองผู้ว่าฯ สงขลา 19.นางพัชรี ศาลาศิลป์ รองผู้ว่าฯ เพชรบูรณ์ เป็นรองผู้ว่าจ.สระแก้ว 20.น.ส.อรอาภา โล่ห์วีระรองผู้ว่าฯ ชัยภูมิ เป็น รองผู้ว่าฯ หนองบัวลำภู

21.นายปิยพงศ์ ชูวงศ์ รองผู้ว่าฯ ราชบุรี เป็นรองผู้ว่าฯ อุดรธานี 22.นายสิทธิวีร์ วรรณพฤกษ์ หัวหน้าสำนักงานคณะกรรมการมาตรฐานการบริหารบุคคลส่วนท้องถิ่น เป็นรองผู้ว่าฯ กาญจนบุรี 23.นางพรรณวิภา ปิยัมปุตระ หัวหน้าสำนักงานจังหวัดนนทบุรี เป็นรองผู้ว่าฯ กาญจนบุรี 24.นายสมหวัง อารีย์เอื้อ หัวหน้าสำนักงานจังหวัดบึงกาฬ เป็นรองผู้ว่าฯ บึงกาฬ, 25.นายธนิต ภูมิถาวร ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผน เป็น รองผู้ว่าฯ พิจิตร 26.นายสันชัย พัฒนะวิชัย หัวหน้าสำนักงานจังหวัดสระบุรี เป็นรองผู้ว่าฯ ยโสธร

27.นายพุทธพงษ์ สุริยะสิงห์ ผู้อำนวยการกองคลัง เป็นรองผู้ว่าฯ ราชบุรี, 28.นายผดุงศักดิ์ อิ่มเอิบ ปลัดจังหวัดกาฬสินธุ์ เป็นรองผู้ว่าฯ กาฬสินธุ์ 29.นายอดิเรก อุ่นโอสถ ปลัดจังหวัดชลบุรี เป็นรองผู้ว่าฯ ชลบุรี 30.นายบัลลังก์ ไวทย์ศิริ ปลัดจังหวัดเชียงราย เป็นรองผู้ว่าฯ ชัยภูมิ 31.นายสามารถ สุวรรณมณี ปลัดจังหวัดนครราชสีมา เป็นรองผู้ว่าฯ ชัยภูมิ 32.นายสังคม เกิดก่อ ปลัดจังหวัดนราธิวาส เป็นรองผู้ว่าฯ ตรัง

33.นายวิทยา เขียวรอด ปลัดจังหวัดชุมพร เป็น รองผู้ว่าฯ นครศรีธรรมราช 34.นายเกรียงศักดิ์ สมจิต ปลัดจังหวัดบุรีรัมย์ เป็น รองผู้ว่าฯ บุรีรัมย์ 35.นายปรีดา สุขใจ ปลัดจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นรองผู้ว่าฯ ประจวบคีรีขันธ์ 36.นายบัญชา ธนูอินทร์ ปลัดจังหวัดพังงา เป็นรองผู้ว่าฯ พังงา

37.นายธราวุธ ช่วยเกิด ปลัดจังหวัดพัทลุง เป็นรองผู้ว่าฯ พัทลุง 38.นายวิศิษฐ์ เบญจพิทักษ์กุล ปลัดจังหวัดสุโขทัย เป็นรองผู้ว่าฯ เพชรบูรณ์ 39.นายวีรรัตน์ ธีรมิตร ผู้อำนวยกองคลัง เป็นรองผู้ว่าฯ สกลนคร 40.นายวิทศักดิ์ จำเริญนุสิต ปลัดจังหวัดปัตตานี เป็นรองผู้ว่าฯ สุราษฎร์ธานี และ 41.นายไพฑูรย์ มหาชื่นใจ ปลัดจังหวัดสมุทรสาคร เป็น รองผู้ว่าฯ หนองคาย

 อ่านข่าว:

 “หมูเด้ง” รันวงการเมือง กกต.ใช้เป็นมาสคอตเลือกตั้ง อบจ.

เลือกตั้ง อบจ.สงขลา กกต.พบพิรุธการกระทำส่อผิดกฎหมาย

"พล.ท.พงศกร" จี้รัฐเข้มชายแดนป้องค้ามนุษย์ จัดสมดุลท่องเที่ยว-ความมั่นคง

 

 


"พล.ท.พงศกร" จี้รัฐเข้มชายแดนป้องค้ามนุษย์ จัดสมดุลท่องเที่ยว-ความมั่นคง

Wed, 8 Jan 2025 13:43:00

วันนี้ (8 ม.ค.2568) พล.ท.พงศกร รอดชมภู อดีตรองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวถึงกรณีนายหวัง ซิง หรือ ซิง ซิง นักแสดงชาวจีน ที่ถูกค้ามนุษย์ข้ามชาติหลอกลวงแคสงานโดยใช้ไทยเป็นทางผ่านไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ว่า

ประเทศไทยเน้นเรื่องการท่องเที่ยว และเปิดกว้างในการให้บริการด้านการท่องเที่ยวและการเดินทาง แต่ในขณะเดียวกัน กลับไม่ได้ให้ความสำคัญในการควบคุมมาตรการด้านความมั่นคงอย่างเข้มงวด ส่งผลให้เกิดช่องโหว่ในด้านความปลอดภัย 

ซึ่งถึงเวลาแล้วที่ประเทศไทยต้องจัดสมดุลระหว่างการส่งเสริมการท่องเที่ยวและการรักษาความมั่นคง โดยเน้นย้ำว่าหากไม่มีความมั่นคงก็จะกระทบถึงการท่องเที่ยว และยิ่งหากปล่อยให้ขบวนการค้ามนุษย์ดำเนินการได้ง่าย ก็จะมีผลกระทบที่รุนแรงตามมา

อ่านข่าว : “ซิงซิง” จิตใจดีขึ้น ตร.ยันเหยื่อค้ามนุษย์คาด 1-2 วันกลับจีน

การค้ามนุษย์เป็นอาชญากรรมข้ามชาติที่มีความซับซ้อนและมีส่วนเกี่ยวข้องกับทุนสีเทา อย่างกรณีการช่วยเหลือคนไทยที่ถูกหลอกค้ามนุษย์ในเมืองเล่าก์ก่าย เป็นหลักการเดียวกันและคือกลุ่มเดียวกัน ที่ย้ายมาตั้งฐานที่แม่สอด พบพระ จ.ตาก ขบวนนี้ยังคงอยู่และยังคงและตราบใดที่ยังอยู่ก็จะเกิดอาชญากรรมข้ามชาติ

สำหรับวิธีการตั้งรับ มีทั้งเชิงรับและเชิงรุก ด้านเชิงรับนั้นมองว่าการเดินทางจากตัวเมืองตากไป อ.แม่สอด ต้องมีใบผ่านแดนภายในประเทศ เพื่อให้คนที่เข้ามาได้รู้ว่าต้องการข้ามประเทศ หรืออยู่ภายใน อ.แม่สอด และที่ด่านก็ต้องมีการคัดกรองตรวจสอบตามใบแผ่นแดนที่ระบุไว้อีกครั้งหนึ่ง

ทั้งนี้ อ.แม่สอด ถือเป็นด่านพรมแดนเป็นพื้นที่ทางเศรษฐกิจสำคัญ ต้องมีการคัดกรองและตรวจสอบเอกสารให้รัดกุม ทั้งนี้รัฐบาลต้องให้ความสำคัญในการแก้ไขปัญหาด้านความมั่นคงอย่างจริงจัง เพื่อให้เจ้าหน้าที่มีความระมัดระวังในการป้องกันอาชญากรรมข้ามชาติ

อ่านข่าว : ไทม์ไลน์ "ซิงซิง" จากสนามบินสุวรรณภูมิ ถึงชายแดน "ไทย - เมียนมา"

พล.ท.พงศกร ยังระบุว่า ไม่เห็นด้วยที่จะพึ่งพาทุนสีเทา ซึ่งกลุ่มนี้แฝงได้ด้วยอาชญากรรมเรื่องการค้ามนุษย์ ไม่ควรมีธุรกิจแบบนี้อยู่ใกล้ประเทศไทย เพราะไม่มีมาตรการเข้มงวด ทำให้เป็นช่องทางกลายเป็นทางผ่านก่ออาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งรัฐบาลต้องประกาศชัดเจนถึงความเข้มงวดด้านความมั่นคง ให้นักท่องเที่ยว หรือคนที่ต้องการเข้ามาทำงานรู้สึกปลอดภัย และเศรษฐกิจจึงจะตามมา

ถ้ามองเรื่องเศรษฐกิจเป็นหลัก และไม่ยุ่งเกี่ยวกับความมั่นคง แต่เมื่อเกิดเหตุขึ้นมา เป็นข่าวใหญ่ ก็จะกระทบเป็นวงกว้าง ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องมองให้ชัดเจน

อ่านข่าว :

"ซิงซิง" เหยื่อแคสงานค้ามนุษย์ สู่ปมโซเชียล"เมืองไทยน่ากลัว"

ตร.นำตัว "ซิงซิง" นักแสดงชาวจีน ถึงกรุงเทพฯ สอบขยายผลต่อทันที

เปิดแชต "ซิงซิง - เจียเจีย" ก่อนดาราหนุ่มหายตัวชายแดนไทย - เมียนมา


เลือกตั้ง อบจ.สงขลา กกต.พบพิรุธการกระทำส่อผิดกฎหมาย

Wed, 8 Jan 2025 12:51:00

วันนี้ (8 ม.ค.2568) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การหาเสียงในสนามเลือกตั้งสมาชิกสภาและนายก อบจ.สงขลา เป็นไปอย่างเข้มข้น แม้ต่างฝ่ายต่างหาเสียงกันด้วยหลากหลายรูปแบบ แต่เริ่มพบเบาะแสการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ทั้งการจัดเก็บรวบรวมรายชื่อ โดยคนที่อ้างตัวเป็นหัวคะแนนของผู้สมัครบางทีมบางแห่งมีการเก็บรายชื่อ พร้อมบัตรประจำตัวประชาชน และจ่ายเงินให้บางส่วน อ้างว่าเป็นเงินมัดจำ

ร.ต.อ.สมนึก กุลมณี ผอ.กกต.สงขลา ระบุว่า ได้รับรายงานแล้วและอยู่ระหว่างการส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่สืบสวนหาข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น

กกต.สงขลา ยังเชิญผู้สมัครบางคนมาสอบปากคำกรณีมีการสมัครแบบผิดปกติ ทำให้เชื่อได้ว่าเป็นการรับจ้างมาสมัคร เพื่อให้ผู้สมัครบางคนได้หมายเลขที่ต้องการ โดยพบว่าผู้สมัครสมาชิกสภา อบจ.ของทีมหนึ่งเกือบทั้ง 36 เขตเลือกตั้ง ได้หมายเลขตรงกับผู้สมัครนายก อบจ.ของทีม ซึ่งจะทำให้หาเสียงได้ง่าย รวมถึงลดความสับสนของประชาชนที่ไปลงคะแนน

การสอบสวนเบื้องต้น พบพิรุธว่าผู้สมัครเป็นแม่ลูกกัน บางเขตเป็นพี่น้อง นามสกุลเดียวกัน เมื่อสอบถามถึงอำนาจหน้าที่ของสมาชิกสภา อบจ.ก็ไม่ทราบ เจ้าหน้าที่จึงต้องสอบสวนอย่างละเอียดมากขึ้น

อ่านข่าว

“หมูเด้ง” รันวงการเมือง กกต.ใช้เป็นมาสคอตเลือกตั้ง อบจ.

“ซิงซิง” จิตใจดีขึ้น ตร.ยันเหยื่อค้ามนุษย์คาด 1-2 วันกลับจีน

เร่งสืบขยายผล "คนชี้เป้า" จ่าเอ็มยิงสังหารอดีต สส.ฝ่ายค้านกัมพูชา


“หมูเด้ง” รันวงการเมือง กกต.ใช้เป็นมาสคอตเลือกตั้ง อบจ.

Wed, 8 Jan 2025 11:31:00

วันนี้ (8 ม.ค.2568) นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานสำนักงานคณะกรรมการ การเลือกตั้ง (กกต.) เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรม Kick Off การเลือกตั้งองค์การบริหารส่วนจังหวัด “สร้างสรรค์ประเทศไทย พร้อมใจไปเลือกตั้ง” 

โดยกิจกรรมคิกออฟเป็นการสร้างความเข้าใจ และส่งเสริมความร่วมมือทุกภาคส่วน เพื่อให้การจัดการเลือกตั้ง อบจ.เป็นไปด้วยความสุจริตเที่ยงธรรม และชอบด้วยกฎหมายด้วยกฎหมาย เป็นกระบวนการเสริมสร้างการปกครองท้องถิ่นให้เข้มแข็งที่ประชาชนจะมีส่วนร่วมในการเลือกตั้ง เพื่อพัฒนาท้องถิ่นของตนเอง

ประธาน กกต.กล่าวว่า ในฐานะผู้จัดการเลือกตั้งยืนยันที่จะทำให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งมีความมั่นใจ ด้วยความพร้อมในการดำเนินการภายใต้กรอบกฎหมาย และการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชน พร้อมกันนี้ได้เชิญชวนประชาชนเตรียมพร้อมศึกษาเตรียมการไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง อบจ.

ตั้งเป้าผู้ออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งร้อยละ 65 ให้มากกว่าการใช้สิทธิ์เลือกตั้งครั้งก่อน เชื่อมั่นว่าการเลือกตั้งในวันเสาร์จะไม่กระทบต่อการออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง

ด้านนายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต.กล่าวว่า การเลือกตั้งอบจ. หลังครบวาระเมื่อวันที่ 19 ธ.ค.2567 จะมีการเลือกนายกอบจ.47 จังหวัด และเลือกสมาชิกสภาอบจ.76 จังหวัด โดย กกต.เห็นชอบแผนการเลือกตั้งแล้วและกำหนดวันเลือกตั้ง อบจ. 1 ก.พ.นี้ 

โดยในกิจกรรมคิกออฟครั้งนี้ ได้เปิดตัวมาสคอตที่ใช้รณรงค์ประชาสัมพันธ์ในการออกไปเลือกตั้ง อบจ.ใช้ “หมูเด้ง”

ขณะที่กกต.ได้ปรับปรุงแอปพลิเคชัน Smart Vote เพื่อให้ศึกษา ค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับการเลือกตั้งได้อย่างครบถ้วน สะดวกและรวดเร็ว 


"ทวี" แจง "ยิ่งลักษณ์" ไม่เข้าหลักเกณฑ์คุมขังนอกเรือนจำ

Tue, 7 Jan 2025 19:07:29

ภายหลังกรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม ปิดรับฟังความเห็นเกี่ยวกับระเบียบคุมขังเรียบร้อยแล้ว โดยจะมีผลบังคับใช้ในช่วงเดือน ม.ค.นี้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ระบุว่า อธิบดีกรมราชทัณฑ์ จะนำผลการรับฟังความเห็นดังกล่าวไปพิจารณาให้รอบคอบและหารือกับผู้เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะเรื่องค่าสาธารณูปโภค กรณีต้องคุมขังในสถานที่ราชการอื่น ๆ หรือกรณีการติดตั้งกล้องวงจรปิด เพราะเกี่ยวโยงกับงบประมาณ

นอกจากนี้ ต้องกำหนดหลักเกณฑ์แนวทางปฏิบัติให้ชัดเจน ซึ่งตามกฎหมายราชทัณฑ์ได้แบ่งไว้ 4 กลุ่ม โดยไม่ยึดติดกับคนใดคนหนึ่ง ได้แก่ กลุ่มที่ได้รับการจำแนก, กลุ่มที่ต้องได้รับการพิจารณาพฤตินิสัย, กลุ่มเตรียมความพร้อมก่อนปล่อย และกลุ่มผู้ต้องขังเจ็บป่วย

พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า กรณีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไม่เข้าหลักเกณฑ์ 4 กลุ่มในการคุมขังนอกเรือนจำได้ เพราะมีโทษเกิน 5 ปี โดยผู้ที่เข้าเกณฑ์ดังกล่าวจะต้องมีโทษไม่เกิน 4 ปี ก่อนอ้างว่าปัจจุบันกรมราชทัณฑ์มีความแออัดและถูกกล่าวหาว่าละเมิดสิทธิ์ จึงต้องหาแนวทางแก้ไขปัญหานี้

รมว.ยุติธรรม ระบุว่า อย่ากลัวการโจมตีในประเด็นผู้ต้องคดีเกี่ยวกับมาตรา 112 เพราะหากจะให้ความเป็นธรรมนั้นต้องไม่มีอคติ

อ่านข่าว : 


นายกฯ ป้อง​ "ทักษิณ​" ไร้เจตนา​เหยียดสีผิว​ รับคุยลดค่าไฟ

Tue, 7 Jan 2025 13:19:00

วันนี้ (7 ม.ค.2568) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร​ นายกรัฐมนตรี​ กล่าวถึงกรณีที่นางอังคณา​ นีละไพจิตร​ สมาชิกวุฒิสภา​ ออกมา ฝากนายกรัฐมนตรีให้เตือน นายทักษิณ​ ชินวัตร​ หลังออกมาพูดในเชิงการเหยียดสีผิว บนเวทีหาเสียงเลือกตั้งนายก อบจ. นายกรัฐมนตรีถึงกับอุทานว่า​ "อ๋อ ก่อนถามกลับว่า ฟังแล้วเขาเหยียดจริงๆ เหรอ"

ทั้งนี้อยากให้ไปฟังที่นายทักษิณพูด ซึ่งค่อนข้างมั่นใจ 100% ว่าไม่มีเจตนาการเหยียดผิว พร้อมยกตัวอย่างคำพูดของนายทักษิณ กรณีคนไทยไปทำศัลยกรรมทำไม เพราะสวยแบบไทยของเรา และการเพิ่มโอกาสให้คนไม่ต้องเสียเงินไปทำศัลยกรรม เราก็สามารถประกวดในแบบของเราได้ ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่เขาตั้งใจในเรื่องของโอกาส ไม่ใช่เรื่องการเหยียดอะไร

พร้อมย้ำว่าขอให้ไปฟังต้นฉบับคำพูดก่อน ซึ่งตนมั่นใจว่านายทักษิณไม่เคยเหยียดในประเด็นดังกล่าว ไม่ใช่คนเหยียดคนอยู่แล้ว พร้อมย้ำว่า ความหมายคือต้องการไม่อยากให้ไปทำหน้า อยากให้สวยในแบบของเราและสามารถประกวดได้ ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่อยากส่งเสริม

เมื่อถามย้ำว่าการที่นายทักษิณพูดพิงถึงชาติอื่นทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ นายกรัฐมนตรียืนยันว่าไม่มีทาง ที่นายทักษิณจะเหยียด เพราะทุกชาติทุกประเทศก็มีความสวยในแบบของเขาอยู่แล้ว​ 

มีการคุยกันอยู่แล้ว​ และทราบถึงความตั้งใจกันอยู่แล้วเพราะมีการพูดคุยกันก่อนที่จะมาให้สัมภาษณ์ และยืนยันว่าไม่ใช่เรื่องของการเหยียด ฉะนั้นจึงไม่ต้องเตือนอะไร

ทั้งนี้นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความเป็นไปได้เรื่องของการลดค่าไฟให้เหลือ 3.70 บาท ว่า การปรับลดค่าไฟเป็นสิ่งที่รัฐบาลเน้นย้ำอยู่แล้วว่าเราต้องการจะลดค่าไฟให้ถูกลง หรือจะเป็นค่าของชีพพื้นฐาน เพื่อจะให้แข่งขันได้ในเวทีโลกก็เป็นสิ่งสำคัญ เพราะเป็นการลดต้นทุน หากรัฐบาลสามารถคุยและเจรจาในการลดต้นทุนได้ทุกฝ่ายร่วมมือกันก็เกิดประโยชน์กับประเทศเพราะฉะนั้นรัฐบาลมุ่งเน้นเรื่องนี้ 

อ่านข่าว :

“ทักษิณ” พยัคฆ์ติดห้าว ปล่อยของ-ขายฝัน หวังกวาดพื้นที่ฐานเสียงคืน

"ทักษิณ" ปราศรัย 29 ม.ค.แจก 1 หมื่นผู้สูงอายุ ไม่มีปัจจัยปรับ ครม.


ศึก 3 เส้า “ส้ม-แดง-น้ำเงิน” ส่งบ้านใหญ่ ชิงนายก อบจ. 47 จังหวัด

Mon, 6 Jan 2025 18:51:17

ศึกเลือกตั้ง นายก อบจ.ทั่วประเทศ 47 จังหวัดที่เหลือ แม้  “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี จะเดินสายโรดโชว์ เพื่อเรียกพลังศรัทธากลับคืน แต่ “บ้านใหญ่” ก็คือ “บ้านใหญ่” การเลือกตั้งระดับท้องถิ่น ไม่ใช่การเลือกตั้งระดับชาติ สำหรับชาวบ้านแล้ว ระบบอุปถัมภ์ยังสำคัญ แม้จะมีกระแสเข้ามาช่วย แต่กระสุนก็ยังจำเป็น และสุดท้ายแล้ว “บ้านใหญ่” ก็ “วิน” อยู่ดี

ที่สำคัญสนามการเมืองท้องถิ่น ที่เป็น “ม้านอกสายตา” ไม่ได้อยู่ในสายตาของนักการเมืองระดับชาติมาก่อน แต่ปัจจุบันได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว หากใครกุมฐานเสียงการเมืองท้องถิ่นได้ การเมืองระดับชาติในฤดูกาลหน้า อาจไม่ต้องเหนื่อยนัก

หลังจาก “ทักษิณ” ประกาศยอมรับบนเวทีหาเสียงที่ จ.เชียงราย เมื่อวันที่ 5 ม.ค.2568 ที่ผ่านมาว่า ก่อนหน้านี้ไม่ได้สนใจการเมืองท้องถิ่น เพราะเป็นรัฐบาลมาจากพรรคใหญ่ มีกลไกในทุกกระทรวง แต่วันนี้ไม่ได้มี สส. 200 คน เหมือนเมื่อก่อน การเลือกตั้งสมัยหน้าก็ขอคืน สส.ให้กับพรรคเพื่อไทยให้หมด

“พรรคเพื่อไทย มองว่า การเมืองท้องถิ่นเป็นกลไกสำคัญ และตอนกลับมานั่งดูปัญหาทุกเรื่อง สิ่งที่เคยแก้ไว้มันหายไปหมด 17-18 ปีที่ไม่ได้อยู่ในประเทศไทย ระบบเสียหายไปหลายอย่าง จึงต้องมานั่งดูว่าจะทำอย่างไรบ้าง”

อย่างไรก็ตาม หากไล่เรียงการเดินสายของ “ทักษิณ” ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงผู้สมัคร นายก อบจ.พบว่า พื้นที่เป้าหมายที่หวังผลได้ นายก อบจ. ส่วนใหญ่จะอยู่ในพื้นที่ภาคเหนือและภาคอีสาน ซึ่งมี สส.อยู่แล้วเป็นหลัก โดยผู้สมัคร นายก อบจ.หรือ ส.อบจ.ต่างลงสมัครในนามพรรคเพื่อไทย

ยกเว้นบางจังหวัดที่มี “บ้านใหญ่” หลายหลัง และหาก “เจรจา” เปิดทาง หรือหลบเลี่ยงกันได้ ก็จะไม่ส่งผู้ สมัครในนามพรรค แต่จะใช้วิธีส่ง เป็นกลุ่ม หรือ เครือข่าย คณะ เพื่อไม่ให้เกิดการปะทะกันของกลุ่มบ้านใหญ่

เช่น ที่ จ.ฉะเชิงเทรา โดยบ้านใหญ่ 3 ตระกูล คือ “ศิริลัทธยากร” “ตันเจริญ” และ ”ฉายแสง” รวมตัวกันส่ง นายกฯไก่ “กลยุทธ์ ฉายแสง” น้องชายจาตุรนต์ ฉายแสง ลงสมัครในนามกลุ่มแปดริ้วก้าวหน้า ทำให้ นายกฯไก่ “กิตติ เป้าเปี่ยมทรัพย์” อดีต นายก อบจ.ฉะเชิงเทรา 5 สมัย กลุ่มแปดริ้วโฉมใหม่ ต้องยอมหลีกทางให้ตามคำขอ หลัง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ช่วยเข้าไปเคลียร์ใจ

สำหรับการเลือกตั้งในปี 2568 พรรคเพื่อไทยส่งชิง นายก อบจ.และ ส.อบจ. 16 จังหวัด คือ โดยแยกสมัครในนามพรรค 14 จังหวัด และสมาชิกพรรค 2 จังหวัด

ในพื้นที่ภาคเหนือ 6 จังหวัด ประกอบด้วย จ.น่าน ผู้สมัคร คือ นพรัตน์ ถาวงศ์ อดีต นายก อบจ.น่าน, จ.เชียงราย “บ้านใหญ่ติยะไพรัช” ส่ง สลักจฤฏดิ์ ติยะไพรัช อดีต นายก อบจ.เชียงราย, จ.แพร่ บ้านใหญ่วงศ์วรรณ ส่ง “อนุวัธ วงศ์วรรณ” อดีต นายก อบจ.แพร่ 4 สมัย ทายาทพ่อเลี้ยงณรงค์ วงศ์วรรณ

จ.ลำปาง ส่ง ตวงรัตน์ โล่ห์สุนทร อดีตนายก อบจ.ลำปาง เป็นตัวแทน “บ้านใหญ่โล่ห์สุนทร” จ.ลำพูน ส่ง อนุสรณ์ วงศ์วรรณ อดีตนายก อบจ.ลำพูน ทายาทพ่อเลี้ยงณรงค์ และที่ จ.เชียงใหม่ ส่ง พิชัย เลิศพงศ์อดิศร อดีตนายก อบจ.เชียงใหม่ ลงสมัครในนามสมาชิกพรรค

ภาคอีสาน พรรคเพื่อไทยส่ง 9 จังหวัด ประกอบด้วย จ.นครราชสีมา ส่ง ยลดา หวังศุภกิจโกศล อดีตนายก อบจ.นครราชสีมา, จ.สกลนคร ส่ง นฤมล สัพโส ภรรยา พัฒนา สัพโส สส.สกลนคร จ.บึงกาฬ ส่ง ภูมิพันธ์ บุญมาตุ่น อดีตผู้สมัครนายก อบจ.บึงกาฬ สมัยที่แล้ว, จ.ศรีสะเกษ ส่ง วิวัฒน์ชัย โหตระไวศยะ อดีต สส.ศรีสะเกษ, จ.มุกดาหาร ส่ง บุญฐิณ ประทุมลี อดีต สส.มุกดาหาร

ที่ จ.หนองคาย ส่ง วุฒิไกร ช่างเหล็ก, จ.มหาสารคาม ส่ง พลพัฒน์ จรัสเสถียร น้องชาย ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร อดีต สส.มหาสารคาม จ.นครพนม ส่ง อนุชิต หงษาดี อดีต นายก อบต.โพนสวรรค์, จ.อำนาจเจริญ ส่ง ดะนัย มะหิพันธุ์ อดีต สส.อำนาจเจริญ ลงสมัครในนามสมาชิกพรรค

และภาคตะวันออก จ.ปราจีนบุรี พรรคเพื่อไทยส่ง สจ.จอย หรือ ณภาภัช อัญชสาณิชมน ภรรยา อดีต สจ.โต้ง

ขณะพรรคประชาชน ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งนายก อบจ. 17 จังหวัด แต่การเลือกตั้งนายก อบจ. เมื่อปี 2567 ยังไม่มีผู้สมัครนายก อบจ.จากค่ายส้มได้แม้แต่จังหวัดเดียว

อย่างไรก็ตาม ในการเลือกตั้งนายก อบจ.2568 แกนนำพรรคประชาชน ได้ส่งผู้สมัครนายก อบจ. ในพื้นที่ที่มีความพร้อม และมีความมั่นใจว่าอาจจะสอดแทรกเข้ามาได้บ้าง

เช่น จ.จันทบุรี, ชลบุรี, ตราด, นครนายก, นนทบุรี, ปราจีนบุรี, พังงา, ภูเก็ต, มุกดาหาร, ระยอง, ลำพูน สงขลา, สมุทรปราการ, สมุทรสงคราม สมุทรสาคร, สุราษฎร์ธานี, และเชียงใหม่

แต่ดูความหวังแล้ว การสู้กับ “บ้านใหญ่” และตระกูลเก่าการเมือง ในท้องถิ่นที่มีการสานประโยชน์มานาน จึงเหมือนจะเป็นงานหินของค่ายสีส้ม

ส่วนพรรคภูมิใจไทย ค่ายสีน้ำเงิน เงียบ ๆ แต่ “กินเรียบ” ทุกพื้นที่ “เนวิน ชิดชอบ” ฐานะครูใหญ่พรรคภูมืใจไทย ไม่เน้นส่งผู้สมัครในนามพรรค แต่จะให้ความสนับสนุนส่งในนามเครือข่ายของตระกูลบ้านใหญ่ ตั้งแต่สนับสนุน บ้านใหญ่อยุธยา “สมทรง" พันธ์เจริญวรกุล” หรือเจ้สมทรง อดีตนายก อบจ. ลงอีกสมัยคว้าชัยเก้าอี้นายก อบจ.พระนครศรีอยุธยามาครองเมื่อปีที่แล้ว

หรือ “คนบุรีรัมย์” หรือ กลุ่มเพื่อนเนวิน ซึ่งส่ง หลานชาย “ภูษิต เล็กอุดากร” อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) บุรีรัมย์ หลานชาย “เนวิน ชิดชอบ” ประธานสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ลงสมัครชิงเก้าอี้

ไม่ต่างจาก จ.สมุทรปราการ เมื่อครั้ง ชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม บ้านใหญ่อัศวเหม ยังอยู่ ตระกูลม้าทองคำ ส่ง “นันทิดา แก้วบัวสาย“ เป็นนายก อบจ.สมุทรปราการ แต่เมื่อครบวาระและ “นันทิดา” ไม่ไปต่อ จึงส่ง “สุนทร ปานแสงทอง” อดีต รมช.เกษตรฯ ลงสนามในนามกลุ่มสมุทรปราการก้าวหน้า

สนามเมืองปากน้ำ “สุนทร” จะมีคู่ต่อสู้จากพรรคส้ม คือ “หมอเอ๊กซ์” นพดล สมยานนทนากุล อดีตผู้บริหารบริษัท ดิ ยูนิค แลปโบราทอรี่ จำกัด

ศึก 3 เส้า ในการชิงเก้าอี้ นายก อบจ.ในครั้งนี้ จึงน่าจับตาดูกว่า สนามการเมืองในระดับท้องถิ่น ใครจะคว้าชัยไปครองมากกว่ากัน ระหว่างเพื่อไทยที่หวังทวงคืนพื้นที่ ปูพรมหวังการเลือกตั้งในระดับชาติ หรือค่ายสีน้ำเงิน “ภูมิใจไทย” และพรรคประชาชน ที่ยังไม่สามารถคว้าเก้าอี้จากจังหวัดใดได้เลย มีสิทธิได้ลุ้นหรือไม่

อ่านข่าว มติ กบฉ.ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินพื้นที่ อ.ยะหา ชงเข้า ครม.

"ทองคำ" ผันผวน 9 ครั้ง ปิดตลาด “รูปพรรณ” ขายออก 43,650

เตือน 6-10 ม.ค.นี้ ลมหนาวมา "ฝุ่นจิ๋ว" พุ่งแจ้ง 15 จังหวัดงดเผา


มติ กบฉ.ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินพื้นที่ อ.ยะหา ชงเข้า ครม.

Mon, 6 Jan 2025 18:41:00

วันนี้ (6 ม.ค.2568) นายภูมิธรรม​ เวชยชัย​ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลา โหม​ เผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน (กบฉ.) ว่า ที่ประชุมเห็นชอบให้ยกเลิกการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ อ.ยะหา จ.ยะลา ออกจากพื้นที่ที่มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ทำให้ปัจจุบันยังคงบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในพื้นที่ 17 อำเภอ

ฝากเป็นคำถามให้คุยกันให้จบภายในเดือน ม.ค.นี้ และตั้งคำถามและยุทธ ศาสตร์ในการทำงานต้อง และให้หน่วยราชการคิดต่อว่ามาถูกทางหรือไม่ ทำไม 20 ปีถึงไปในทิศทางที่ไม่ดีขึ้นที่ควรจะเป็น
นายภูมิธรรม​ เวชยชัย​ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลา โหม​

นายภูมิธรรม​ เวชยชัย​ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลา โหม​

นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า หากไม่มีการทบทวน จะทำให้การแก้ไขปัญหา อยู่ในลักษณะเดิม ๆ จึงได้สั่งให้ไปดูยุทธศาสตร์การทำงานในพื้นที่ว่า ควรจะเป็นอย่างไร รวมถึงการตั้งหัวหน้าคณะพูดคุยสันติสุขชายแดนภาคใต้ เพราะการขับเคลื่อนแผนยุทธศาสตร์จะต้องชัดเจน ถึงจะกำหนดยุทธวิธีในการขจัดปัญหา และกลุ่มบุคคลที่จะเข้ามาดำเนินการได้

โดยนายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) จะไปดำเนินการ เพื่อให้ได้ข้อสรุปเรียบร้อย ภายในเดือน ม.ค.นี้ พร้อมขอให้สมช.รับฟังหน่วยปฏิบัติในพื้นที่อย่างรอบด้านด้วย หากตรงไหนมีความลำบากใจที่จะพูดคุย ก็ให้ส่งข้อมูลมาให้ตนเอง หรือเลขาฯ สมช.ก็ได้​ เพื่อให้เกิดการแก้ไขปัญหา และทำให้มันดีขึ้น

ฝ่ายความมั่นคงดูแลพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้

ฝ่ายความมั่นคงดูแลพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้

นายภูมิธรรม ยังเชื่อว่า นายทักษิณ​ ชินวัตร​ นั่งเป็นที่ปรึกษาของประธานอาเซียน ของนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย น่าจะเป็นผลดีต่อการแก้ไขปัญหาพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ และอาจส่งให้พื้นที่ชายแดน "ไทย-มาเลเซีย" สงบเรียบร้อย พร้อม ๆ กับการพัฒนาพื้นที่เป็นเขตเศรษฐกิจด้วย 

 


ฟื้นคดี "เสื้อแดง 99 ศพ" หมากบนกระดาน-กู้ฐานเสียงคืนเพื่อไทย

Mon, 6 Jan 2025 16:15:46

หลัง "ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ" ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี "แพทองธาร ชินวัตร" นำญาติผู้เสียชีวิตของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือ "เสื้อแดง" จำนวน 68 คน จากเหตุการณ์สลายการชุมนุม ปี 2553 ทั้งที่ ได้มีการไต่สวนในชั้นศาล และได้ข้อยุติไปแล้วในช่วงปี 2557 เข้ายื่นหนังสือต่อ พ.ต.ต. ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อขอให้รื้อฟื้นคดีขึ้นมาใหม่อีกครั้ง เมื่อช่วงปลายเดือน ธ.ค.2567

ไม่เพียงสร้างความประหลาดใจให้กับกลุ่มคนเสื้อแดงเท่านั้น แต่ยังทำให้อดีตผู้ร่วมชุมนุมและแกนนำคนเสื้อแดงยังตั้งกลุ่มวิพากษณ์ถึงการกระทำดังกล่าวว่า เป็นการกระทำที่หวังผลทางการเมือง โดยเฉพาะการเรียกคะแนนเสียงและความนิยมให้กลับคืนมา

แม้ณัฐวุฒิ ในฐานะที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ให้เหตุผลว่ากระบวนการยุติธรรมสำหรับคนเสื้อแดงที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์สลายการชุมนุมจะสิ้นสุดลงแล้วก็จริง แต่มีผู้ตกเป็นเหยื่อเพียง 31 คน เท่านั้นที่ศาลชี้ว่า เสียชีวิตจากอาวุธของเจ้าหน้าที่จำนวน 17 คน ส่วนอีก 14 คน ศาลระบุว่าไม่สามารถชี้ชัดว่าเสียชีวิตจากบุคคลกลุ่มใดหรือใครกระทำ ดังนั้น จึงเหลืออีก 68 คนที่ยังไม่ได้รับความเป็นธรรม

ส่วน ธงชัย พรเศรษฐ์ รองนายกสมาคมทนายความแห่งประเทศไทย ระบุว่า ผู้เสียชีวิต 68 คนมีการทำสำนวนคดี แต่ไม่ปรากฎว่า มีคำสั่งฟ้องจากศาลใด ๆ ส่วนการเยียวยาได้รับแล้วตั้งแต่ 10 กว่าปีก่อน แต่คนเสื้อแดงต้องการให้คดีมีความคืบหน้าให้มากกว่านี้  และในฐานะทนายความคดีคนเสื้อแดง จึงอยากออกมาทวงความยุติธรรม และยืนยันว่า การเคลื่อนไหวในครั้งนี้ ไม่มีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง และอย่าจับมาโยงกัน

ถึงการกระทำและคำพูดของ "ณัฐวุฒิ และ ธงชัย" จะระบุเช่นนั้น แต่การออกมาขยับโดยยื่นเรื่องขอให้ดีเอสไอตรวจสอบและรื้อคดีในรัฐบาลเพื่อไทย ไม่เพียงทำให้เกิดคำถามว่า มีนัยทางการเมืองแอบแฝงอยู่หรือไม่ โดยเฉพาะการเลือกตั้งนายก อบจ. ที่กำลังจะเกิดขึ้นเร็วๆนี้หรือไม่

เสื้อแดง "หมากบนกระดาน" ของเพื่อไทย

จตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน วิเคราะห์ว่า ต้นสายปลายเหตุของการออกมายื่นดังกล่าว เกิดจากการที่พรรคเพื่อไทย "ผิดสัญญา" ต่อมวลชนเสื้อแดง ในประเด็น การแก้ไขกฎหมายให้ญาติผู้เสียชีวิต สามารถยื่นคำร้องต่อศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้โดยตรง ไม่ต้องผ่านการชี้มูลของ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ภายใน 100 วัน

"แรก ๆ ก็ยื่นแก้ไขกฎหมายให้ แต่อยู่ ๆ ก็ไปถอนร่างฯ เสียอย่างนั้น … คาดว่ามาจากการร่วมรัฐบาลข้ามขั้วแน่นอน … และ ณัฐวุฒิ ก็ไม่ได้อยากเสียมวลชนเสื้อแดงไป จึงมาดำเนินการให้ในฐานะประชาชน โดยลืมไปว่า ขาอีกข้างนั้นเป็นที่ปรึกษานายกฯ … เป็นการไม่ทำตามสัญญา แต่ทำตามคำเรียกร้องของเสื้อแดง"

จตุพร บอกว่า ประชาชนเป็นได้เพียงแค่ "หมากบนกระดาน" ที่พรรคเพื่อไทยและแกนนำใช้เป็น "เครื่องมือทางการเมือง" เท่านั้น เพราะหากพิจารณาตามตรงแล้ว พรรคเพื่อไทยมีทั้งอำนาจและคนของตนเอง หลังจากได้เป็นรัฐบาล จะไล่เช็คบิลหรือเอาคืนทบต้นทบดอกให้คนเสื้อแดงอย่างไรก็ได้

กรณีนี้ คาดเดาว่า อาจจะมีปัญหาบางอย่างที่ไม่ลงตัวกับพรรคร่วม เลยใช้ไม้ตายนี้เพื่อสร้างข้อต่อรอง

"สงครามสีเสื้อหมดไปตั้งแต่รัฐบาลข้ามขั้วเกิดขึ้น มวลชนโดนหลอกกันถ้วนหน้า เป็นได้เพียงเบี้ย ที่เขาจะใช้งานอย่างไรก็ได้ มีประโยชน์ก็เข้าหา หากหมดประโยชน์ก็ใช้แล้วทิ้งไม่แยแส … ครั้งนี้ที่ใช้งานเสื้อแดง คงเป็นความไม่ลงรอยบางอย่างในพรรคร่วม ซึ่งผมก็ไม่ทราบรายละเอียด แต่ต้องมีอะไรบางอย่างแน่ ๆ"

วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เตือนคนเสื้อแดงว่า ควรจะตาสว่างได้แล้ว เห็นๆ กันอยู่ว่า พรรคเพื่อไทยผิดสัญญาสารพัด การเมืองเป็นเรื่องของผลประโยชน์ มีแต่เพียงประชาชนกันเองเท่านั้นที่รักในการเรียกร้องสิทธิ และประชาธิปไตย

ให้ ป.ป.ช. ไต่สวนเรื่องก็จบเหมือนเดิม แนวทางวินิจฉัยก็เห็น ๆ กันอยู่ … ปัญหาไม่ได้อยู่ที่เสื้อแดง แต่อยู่ที่พรรคเพื่อไทยไม่ผลักดันเต็มที่ แก้กฎหมายคือจบ แต่ไม่เกิดขึ้น … และตั้งแต่ทักษิณ ชินวัตร กลับมา อะไร ๆ ก็เหมือนจะเปลี่ยนไปมาก

"กู้คะแนนเสียง" เสื้อแดง คืนสู่เพื่อไทย

ทางด้าน วัชระ เพชรทอง บอกว่า การออกมาเรียกร้องความยุติธรรมของ ณัฐวุฒิ อดีตแกนนำคนเสื้อแดง และที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี เป็นการกระทำที่มีนัยทาง การเมืองอย่างเห็นได้ชัด แต่ทำตามคำสั่งของใคร ไม่ขอพูดถึง ส่วนจุดประสงค์ที่พอจะอนุมานได้ คือ ทำไปเพื่อ "กอบกู้คะแนนนิยมคนเสื้อแดง" ที่หายไปจากการจัดตั้งรัฐบาล "ผสมข้ามขั้ว" ให้กลับมาอีกครั้ง

"ณัฐวุฒิ ต้องการคะแนนเสียงจากคนเสื้อแดงในภาคอีสานและภาคเหนืออย่างชัดเจน โดยเฉพาะในการเลือกตั้งอบจ.ทั่วประเทศ ที่จะกำลังจะมาถึงนี้ เพราะถือว่าเสียคะแนนไปมากพอสมควรจากการร่วมรัฐบาลกับพรรคข้ามขั้ว … ส่วนจะหวังผลในการเลือกตั้งใหญ่หรือไม่ ตรงนี้ อยู่ที่ว่า คนเสื้อแดงจะคล้อยตามเขามากน้อยขนาดไหน ในการเมืองที่ถูกทรยศเช่นนี้"

อดีต สส.ปชป. บอกว่า อย่างไรก็ตาม จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องจับตาการเคลื่อน ไหวของ พ.ต.ต. ยุทธนา อธิบดีดีเอสไอ ให้ดี ๆ เนื่องจากได้รับความช่วยเหลือจาก พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ที่มีความใกล้ชิดกับพรรคเพื่อไทย

"ผมเชื่อว่า อธิบดีดีเอสไอ ไม่มีทางที่จะเอนเอียง เพราะมีอุทาหรณ์จากการใช้อำนาจในทางมิชอบของ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีดีเอสไอ ในคดีนี้มาแล้ว ที่ต้องการเอาผิด นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกฯ ให้ได้ แต่ศาลฎีกามีคำพิพากษาจำคุก อดีตอธิบดีดีเอสไอว่า ใช้อำนาจรังแกผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ปัจจุบันก็ยังติดคุกอยู่บทเรียนนี้ เชื่อได้ว่า พ.ต.ต. ยุทธนา ไม่มีทางกล้าทำอะไรเสี่ยง ๆ แน่นอน"

วัชระ กล่าวว่า ส่วนประเด็นความขุ่นเคืองของพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคร่วมรัฐบาลที่อาจจะเกิดขึ้นได้จากการที่คนของพรรคเพื่อไทยต้องการรื้อฟื้นคดีนี้ขึ้นมา ในฐานะอดีต สส. ของพรรค ขอสงวนท่าที ไม่อยากให้กระทบกับหลาย ๆ ฝ่าย แต่ก็แสดงความมั่นใจว่า ปัญหาไม่ได้อยู่ที่พรรคประชาธิปัตย์ แต่เป็นพี่น้องเสื้อแดงเอง ที่จะเลือกไว้ใจหรือจะหมดความเชื่อมั่นต่ออดีตแกนนำผู้นี้

"ในนามพรรคประชาธิปัตย์ เชื่อได้เลยว่า อธิบดีดีเอสไอ เห็นบทเรียนมาแล้ว ไม่มีความน่ากังวลแต่อย่างใด … ณัฐวุฒิ ทำตามสคริปต์ที่วางไว้ ทั้งนั้น เสื้อแดงจะถูกจูงจมูก หรือจะตาสว่าง อยู่ที่เลือกเอง … การออกมาเรียกร้องความยุติธรรม เป็นสิทธิของญาติพี่น้องผู้สูญเสีย ตรงนี้ ไม่สามารถไปก้าวล่วงได้" วัชระ ตั้งข้อสังเกตทิ้งท้าย

ขณะที่จตุพร ทิ้งท้ายว่า สำหรับพรรคเพื่อไทย ที่อยากได้คะแนนเสียงของพี่น้องเสื้อแดงในการเลือกตั้งครั้งหน้า หรือการเลือกตั้ง อบจ.ในเดือน ก.พ. หรือไม่ก็ตาม สิ่งสำคัญที่สุด อยู่ที่ว่า เมื่อพูดอะไรไปแล้ว ทำตามที่พูดได้หรือไม่ รัฐบาลข้ามขั้วลักษณะนี้ มวลชนทั้งหลาย ไม่มีทางเลยที่จะอยากออกมาชุมนุม และสนับสนุนพรรคอีกต่อไป

อ่านข่าว

"ทักษิณ" ปราศรัย 29 ม.ค.แจก 1 หมื่นผู้สูงอายุ ไม่มีปัจจัยปรับ ครม.

จับกระแสการเมือง : วันที่ 3 ม.ค.2568 “อนุทิน” ปลอบ ปชน.พื้นฐานดี อย่ากังวล “นายกฯ” อู้ฟู่รวย 1.38 หมื่นล้าน

นิด้าโพล เผย ประชาชน 50.61% ชี้การเมืองวุ่นวายเหมือนเดิม “แพทองธาร”อยู่ยาว


"ภูมิธรรม" เผยปล่อยตัว 4 ลูกเรือไทย ต้องรอจบกระบวนการ

Mon, 6 Jan 2025 13:25:50

วันนี้ (6 ม.ค.2568) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงความคืบหน้าการปล่อยตัว 4 ลูกเรือไทยที่ถูกทางการเมียนมาจับกุมว่า กระทรวงการต่างประเทศ ทหาร ตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด กำลังพยายามทำหน้าที่ซึ่งทางเมียนมาตอบสนองโดยปล่อยคนไทย 151 มา ส่วน 4 ลูกเรือเป็นกระบวนการที่จะต้องดำเนินการตามกฎหมายให้ครบถ้วน

ทางกระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพยายามประสานงานอยู่ ขณะนี้ทั้ง 4 คนอยู่ที่ จ.เกาะสอง ซึ่งได้พาญาติไปเยี่ยมเรียบร้อยแล้ว สร้างความสบายใจขึ้นว่าทุกคนยังอยู่ปกติดี ซึ่งกระบวนการเรื่องนี้มีขั้นตอนเหมือนกันทุกประเทศ เช่นเดียวกับกรณีของไทยที่จับคนต่างชาติก็มีกระบวนการเหมือนกัน ดังนั้นต้องรอการดำเนินการที่ชัดเจนมากขึ้น

เมื่อถามว่า ทั้ง 4 คนต้องรอรับโทษของเมียนมาก่อนใช่หรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่าไม่ใช่ แต่ต้องให้กระบวนการทำหน้าที่ไป ซึ่งขณะนี้ยังไม่จบ กระบวนการต่างประเทศหากมาพูดกันชัดเจนจะช่วยเหลือกันได้อย่างไร จะยิ่งเกิดความยากลำบาก แต่อยากให้เห็นว่ารัฐบาลตั้งใจที่จะแก้ปัญหา และมีการประสานงานอย่างต่อเนื่องส่วนผลจะเป็นอย่างไรอยู่ที่การพูดคุยกัน

ส่วนระยะเวลาคงตอบไม่ได้ อาจจะจบพรุ่งนี้หรือสัปดาห์หน้าก็ได้ อยู่ที่กระบวนการและประเทศเมียนมาด้วย แต่ละคดีไม่เหมือนกัน จะนำมาเป็นบรรทัดฐานเหมือนกันไม่ได้ ขอให้รอให้จบก่อนดีกว่า อย่ารู้รายละเอียดมาก เพราะจะทำให้การพูดคุยยากลำบาก

อ่านข่าว : ด่วน! ตัดสิน 4 ลูกเรือประมงโทษหนักคุก 4-6 ปีรุกน่านน้ำเมียนมา 

เมียนมายังไม่ปล่อยตัว 4 ลูกเรือไทย ญาติไปเยี่ยมที่เกาะสอง 

กต.เดินหน้าช่วย 4 ลูกเรือไทย เร่งประสานเมียนมาปล่อยตัว  

 


"ทักษิณ" ปราศรัย 29 ม.ค.แจก 1 หมื่นผู้สูงอายุ ไม่มีปัจจัยปรับ ครม.

Sun, 5 Jan 2025 17:10:00

วันนี้ (5 ม.ค.2568) นายทักษิณ ชินวัตร ได้เดินทางปราศรัยหาเสียงที่ จ.เชียงราย หลายเวที เพื่อช่วยนางสลักจฤฎดิ์ ติยะไพรัช ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เชียงราย ในนามพรรคเพื่อไทย โดยช่วงสายไปปราศรัยที่เวทีโรงเรียนปล้องวิทยาคม ต.ปล้อง อ.เทิง และช่วงบ่ายที่สนามโรงเรียนบ้านห้วยซ้อวิทยาคม อ.เชียงของ และเวทีสุดท้ายช่วงเย็นที่สนามโรงเรียนแม่จันวิทยาคม อ.แม่จัน โดยมีประชาชนไปฟังปราศรัยจำนวนมาก

โดยนายทักษิณได้ปราศรัยบนเวที ระบุว่า คิดถึงพี่น้องชาวเชียงรายเพราะห่างหายไปกว่า 17 ปี และมีนายยงยุทธ ติยะไพรัช ที่เป็นน้องรักของตนอยู่แล้วโดยเคยร่วมกันสร้างพรรคและเมื่อครั้นตนเป็นนายกรัฐมนตรีก็ให้เป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรีอยู่ด้วยจนต่อมาได้เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร ดังนั้นเมื่อได้ส่งนางสลักจฤฎดิ์ลงสมัครตนจึงต้องสนับสนุนอย่างเต็มที่ อีกประการคือลูกสาวตนเป็นนายกรัฐมนตรี ขณะที่ผู้สมัครก็ลงเลือกตั้งในนามพรรคเพื่อไทยด้วย

นายทักษิณ กล่าวอีกว่าเมื่อได้กลับมาก็มุ่งจะขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สร้างอาชีพและรายได้ให้ประชาชนจึงอยากให้ประชาชนเลือกนางสลักจฤฎดิ์ให้เข้าไปทำงานประสานกับนายกรัฐมนตรี โดยในส่วนของรัฐบาลจะมีการจ่ายเงินให้ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปทั่วประเทศประมาณ 3 ล้านคน คนละ 10,000 บาทในวันที่ 29 ม.ค.นี้ ใช้งบประมาณ 30,000 ล้านบาทเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ จากนั้นยังอยู่ระหว่างปรับโครงสร้างการผ่อนบ้านและรถอยู่ด้วย

นายทักษิณ กล่าวต่อว่าตนไม่อยู่บ้านนานถึง 17-18 ปีเมื่อกลับมาพบว่าระบบที่เคยทำไว้เสียหายหมด จึงกลับมาคิดว่าจะทำอย่างไรและเห็นว่าการฟื้นเศรษฐกิจต่างจังหวัดสำคัญ ถ้าชาวบ้านมีกินมีใช้เศรษฐกิจประเทศก็จะเดินหน้า เพราะทุกวันนี้ประชาชนไม่มีเงินใช้ขาดสภาพคล่อง ร้านค้าปลีกต่างจังหวัดก็แย่เพราะมีแต่ห้างสรรพสินค้าหรือร้านใหญ่ที่มาจากกรุงเทพฯ เงินก็ไหลเข้าสู่ส่วนกลางหมด สินค้าเกษตรขายไม่ได้ ฯลฯ

ดังนั้นจึงตั้งใจในการแก้ไขปัญหาโดยพัฒนาในสิ่งที่ชาวบ้านเก่งอยู่แล้ว เช่น งานหัตถกรรม ดนตรี เกษตรกรรม ฯลฯ รัฐบาลจะนำมหาวิทยาลัยเชื่อมกับ อบจ.ในการสร้างงานสร้างรายได้ จะมีการเจียระไนหาคนไทยที่เก่งๆ ทั่วประเทศ ทั้งที่บุคคลที่ทำอาหารเก่ง เป็นนักศิลปะ มีฝีมือหัตถกรรม ฯลฯ สิ่งนี้เกิดขึ้นในปีนี้ ปี 2568 นี้ กลไกสำคัญอยู่ที่ อบจ.จึงขอให้เลือกนางสลักจฤฎดิ์เพื่อให้ค้นหาเพชรเม็ดงามในเชียงรายต่อไป

นอกจากนี้ นายทักษิณ กล่าวด้วยว่านายกรัฐมนตรีที่เคยตามตนมาตั้งแต่อายุ 8 ขวบ ขณะหาเสียงตอนตั้งพรรคไทยรักไทยก็ยังยืนดูตนอยู่ ตอนไปประชุมเอเปคที่ประเทศชิลีก็ไปด้วย จึงซึมซับการเมืองและรักพี่น้องประชาชน จึงเข้ามาทำงานทั้งๆ ที่เขาก็สบายอยู่แล้ว ตนจึงมั่นใจว่าพรรคเพื่อไทยโดยการนำของนายกฯ อุ๊งอิ๊งจะแก้ไขปัญหาประเทศได้ โดยตั้งเป้าว่าปี 2568 ทุกฝ่ายจะทำงานให้หนักและเศรษฐกิจดีขึ้น และปี 2569 เปรียบเหมือนเริ่มเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ต่อไป จากนั้นขอเวลาอีก 2 ปีหนี้ประเทศจะลดลง

ส่วนเรื่องพลังงานไฟฟ้าว่าในปี 2568 นี้จะต้องเอาตัวเลขการใช้ไฟให้เหลือเลข 3 ดูแล้วน่าจะให้ถึง 3.70

ขณะเดียวกัน นายทักษิณ ยังได้ให้สัมภาษณ์ว่า ตนได้เสียแชมป์นายกรัฐมนตรีที่รวยที่สุดของไทย ให้กับลูกสาวแล้ว ไม่เป็นไร อย่างมากก็ให้ลูกเลี้ยง 

ส่วนกระแสข่าวนายพีระพันธุ์ อาจจะถูกปรับออกจากคณะรัฐมนตรีนั้น นายทักษิณ ระบุว่า รู้จักพีระพันธุ์มานาน เป็นคนตั้งใจ ทั้งนี้นายกรัฐมนตรียังไม่ได้มีการพูดคุยถึงเรื่องการปรับคณะรัฐมนตรีแต่อย่างใด ส่วนยังอยู่ยาวหรือไม่ นายทักษิณ ระบุว่า ยังไม่มีเหตุปัจจัย

อ่านข่าว :

นิด้าโพล เผย ประชาชน 50.61% ชี้การเมืองวุ่นวายเหมือนเดิม “แพทองธาร”อยู่ยาว

เปิดกำหนดการ "ทักษิณ" ลุยหาเสียงเลือกตั้งนายก อบจ. เริ่มเชียงราย 5 ม.ค.

ป.ป.ช.เปิดทรัพย์สิน "แพทองธาร" รวย 1.38 หมื่นล้านบาท


กต.เดินหน้าช่วย 4 ลูกเรือไทย เร่งประสานเมียนมาปล่อยตัว

Sun, 5 Jan 2025 15:35:00

วันนี้ (5 ม.ค.2568) กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) กล่าวว่า กรณีทางการเมียนมาปล่อยตัวผู้ต้องขังและนักโทษต่างชาติ เมื่อวันที่ 4 ม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งรวมถึงนักโทษชาวไทย 152 คน แต่ในครั้งนี้ยังไม่พบรายชื่อลูกเรือประมงไทย 4 คนที่ถูกจับกุมและถูกตัดสินคดีต้องโทษจำคุก เมื่อวันที่ 16 ธ.ค.2567 รวมอยู่ด้วย จึงเป็นที่ผิดหวังที่กระบวนการปล่อยตัวกลุ่มดังกล่าวยังไม่แล้วเสร็จ โดยเมียนมายังอยู่ในระหว่างการพิจารณาตามขั้นตอน ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศเมียนมาก็ให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่

กต. ระบุอีกว่า ที่ผ่านมา กต. สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงย่างกุ้ง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ผลักดันและติดตามกับทางการเมียนมาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งขอการเข้าถึงทางกงสุลในหลายช่องทาง ทั้งการโทรศัพท์พูดคุยกับลูกเรือทั้ง 4 คน เพื่อสอบถามและให้กำลังใจ ล่าสุดเมื่อวันที่ 3 ม.ค. เจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้รับอนุญาตให้นำผู้แทนญาติของลูกเรือไทยเข้าเยี่ยมลูกเรือไทยทั้ง 4 คนที่ จ.เกาะสอง ซึ่งพบว่าทั้ง 4 คนมีสุขภาพแข็งแรง มีกำลังใจดี ได้รับการดูแลตามความเหมาะสมและได้รับอาหารครบ 3 มื้อ

สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้นำสิ่งของจำเป็นไปมอบให้ลูกเรือทั้ง 4 คน รวมทั้งได้แจ้งกับลูกเรือเกี่ยวกับสถานะการดำเนินการล่าสุดของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทย ในการผลักดันกับฝ่ายเมียนมา เพื่อนำไปสู่การปล่อยตัวโดยเร็ว

กต. ย้ำว่า กรณีนี้มีความละเอียดอ่อนทั้งในแง่เรื่องการปล่อยตัวลูกเรือชาวไทย ประเด็นปัญหาการทำประมงของทั้ง 2 ฝ่าย รวมทั้งความสัมพันธ์ในภาพรวมของ 2 ประเทศ ดังนั้นจึงต้องอาศัยความอดทนและช่องทางการเจรจา โดยดำเนินการดังนี้

1. เร่งช่วยเหลือให้ลูกเรือได้รับการปล่อยตัว ซึ่งขึ้นอยู่กับกระบวนการภายในต่างๆ ของเมียนมาด้วย โดย กต.จะผลักดันทางการทูต
2. แก้ไขปัญหาผ่านกลไกคณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่น (TBC) ร่วมกันกับฝ่ายเมียนมา

พร้อมขอให้มั่นใจว่า กต.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะติดตามและดำเนินการทุกอย่างในส่วนที่เกี่ยวข้องอย่างเต็มที่ ผ่านทุกช่องทาง เพื่อให้คนไทยทั้ง 4 คนได้รับการปล่อยตัว

อ่านข่าว

เมียนมายังไม่ปล่อยตัว 4 ลูกเรือไทย ญาติไปเยี่ยมที่เกาะสอง

เมียนมาปล่อยนักโทษ 5,864 คน วันประกาศอิสรภาพ มีคนไทย 151 คน


นิด้าโพล เผย ประชาชน 50.61% ชี้การเมืองวุ่นวายเหมือนเดิม “แพทองธาร”อยู่ยาว

Sun, 5 Jan 2025 09:28:00

วันนี้( 5 ม.ค.68) ศูนย์สำรวจความคิดเห็น นิด้าโพล สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ เปิดเผยผลสำรวจของประชาชนเรื่อง การเมือง เศรษฐกิจ และคุณภาพชีวิตในปี 2568 ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 16-18 ธ.ค. 2567 จำนวน 1,310 คน

ในประเด็นเรื่องสถานการณ์การเมืองไทยทั่วไปในปี 2568 เมื่อเทียบกับปี 2567 พบว่า 50.61% ระบุวุ่นวายเหมือนเดิม รองลงมา 39.92% วุ่นวายมากขึ้น ส่วน 7.33% วุ่นวายน้อยลง และ 2.14% ไม่วุ่นวายเลย

เมื่อถามในประเด็นต่างๆเกี่ยวกับรัฐบาลนายก ฯ แพทองธาร ชินวัตร ในปี 2568 โดย 51.22% ระบุ นายกแพทองธารจะอยู่อยู่ยาวตลอดทั้งปี ส่วน21.60% ระบุ รัฐบาลจะมีการปรับคณะรัฐมนตรี และ 15.34% จะมีการยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่ นอกจากนี้ 15.04% มองว่า จะเกิดความแตกแยกในพรรคร่วมรัฐบาลและทำให้รัฐบาลล่ม อีก 5.88% มองว่า นายกฯ จะลาออก

ทั้งนี้ 5.73% มองว่านายกจะโดนชุมนุมขับไล่ทำให้ต้องพ้นจากตำแหน่ง และ 3.05% รัฐบาลจะโดนประหาร ส่วน2.82% มองว่านายกฯ จะถูกคดีความทางการเมืองจนต้องหลุดจากตำแหน่ง และ 1.76% นายกฯแพทองธาร จะเปิดทางให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรีแทน ขณะที่ 1.15% ตอบไม่ทราบไม่ตอบแล้วไม่สนใจ

ส่วนประเด็นเรื่องสถานการณ์เศรษฐกิจของไทยในปี 2568 เมื่อเทียบกับปี 2567 พบว่า 34.35% ระบุ แย่เหมือนเดิม รองลงมา32.82% แย่ลง และ21.99% ระบุดีขึ้น และ10.84% ระบุดีเหมือนเดิม

สำหรับประเด็นเรื่องคุณภาพชีวิตโดยทั่วไปในสังคมไทยในปี 2568 เมื่อเทียบกับปี 2567 ระบุว่า 34.43% แย่เหมือนเดิม รองลงมา33.20% ระบุ แย่ลง ส่วน 20.46% ระบุดีขึ้น และ 11.91% ระบุ ดีเหมือนเดิม

อ่านข่าว:

เปิดกำหนดการ "ทักษิณ" ลุยหาเสียงเลือกตั้งนายก อบจ. เริ่มเชียงราย 5 ม.ค.

จับกระแสการเมือง : วันที่ 3 ม.ค.2568 “อนุทิน” ปลอบ ปชน.พื้นฐานดี อย่ากังวล “นายกฯ” อู้ฟู่รวย 1.38 หมื่นล้าน

ป.ป.ช.เปิดทรัพย์สิน "แพทองธาร" รวย 1.38 หมื่นล้านบาท


เปิดกำหนดการ "ทักษิณ" ลุยหาเสียงเลือกตั้งนายก อบจ. เริ่มเชียงราย 5 ม.ค.

Sat, 4 Jan 2025 10:07:00

วันนี้ (4 ม.ค.2568) ผู้สื่อข่าวรายงาน ถึงกำหนดการของนายทักษิณ ชินวัตร ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงการเลือกตั้ง อบจ. โดยกรรมการจะขึ้นเวทีปราศรัย ที่จังหวัดเชียงรายในวันอาทิตย์ที่ 5 ม.ค.2568 เพื่อช่วยนางสลักจฤฎดิ์ ติยะไพรัช ผู้สมัคร นายก อบจ.เชียงราย หาเสียง

นายทักษิณออกเดินทางจากท่าอากาศยานดอนเมือง ไปยัง จ.เชียงราย ในช่วงเช้า และเดินทางไปถึงเวทีปราศรัยแรกเวลา 10.00-12.00 น.ที่โรงเรียนปล้องวิทยาคม อ.เทิง ซึ่งนอกจากจะมีการปราศรัยของผู้สมัครแล้ว จะเสริมทัพด้วยการปราศรัยของนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และปิดท้ายเวทีแรกด้วยการปราศรัยของนายทักษิณ ชินวัตร

จากนั้นเวทีที่สอง 13.00 -15.00 น. นายทักษิณ จะไปปราศรัย ที่โรงเรียนห้วยซ้อวิทยาคม อ.เชียงของ จ.เชียงราย และเวลา 15.00-17.00 น.ปิดท้ายเวทีที่สาม ที่โรงเรียนแม่จันวิทยาคม อ.แม่จัน จ.เชียงราย

ทั้งนี้ทีรายงานว่านายทักษิณ จะเดินสายหาเสียงช่วยผู้สมัครนายกฯ อบจ. เดือน ม.ค.68 เช่น

วันที่ 12 ม.ค.2568 จ.ลำปาง
วันที่ 18-20 ม.ค.2568 จ.นครพนม บึงกาฬ หนองคาย มหาสารคาม
วันที่ 24-25 ม.ค.2568 จ.ศรีสะเกษ

อ่านข่าว :

ป.ป.ช.เปิดทรัพย์สิน "แพทองธาร" รวย 1.38 หมื่นล้านบาท

"เศรษฐา" รวยลดลงหลังพ้นนายกฯ มีทรัพย์สิน 985 ล้าน

จับกระแสการเมือง : วันที่ 3 ม.ค.2568 “อนุทิน” ปลอบ ปชน.พื้นฐานดี อย่ากังวล “นายกฯ” อู้ฟู่รวย 1.38 หมื่นล้าน


จับกระแสการเมือง : วันที่ 3 ม.ค.2568 “อนุทิน” ปลอบ ปชน.พื้นฐานดี อย่ากังวล “นายกฯ” อู้ฟู่รวย 1.38 หมื่นล้าน

Fri, 3 Jan 2025 16:47:31

กลับจากรัง คืนสู่เมืองหลวง หลังหยุดยาวชาร์ตแบตบ้านเกิดฉลองปีใหม่ 2568 แล้ว ก็กลับเข้าโหมดการสู้ชีวิตกับหน้าที่การงานต่อไป ประเดิมแชตลับ แชตไลน์หลุด จากปมหาเสียงเลือกตั้งนายก อบจ.ทั่วประเทศที่กำลังขมึงเกลียว ระหว่างศึกสีเสื้อ “ค่ายส้ม” พรรคประชาชน, ค่ายน้ำเงิน “ภูมิใจไทย” และค่ายแดง “เพื่อไทย”

หลัง “ต๋อม” ชัยธวัช ตุลาธน อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงพรรคประชาชน (ปชน.) ทวีตข้อความผ่าน x พร้อมภาพแชตไลน์ ปลัดอำเภอคนหนึ่ง ไลน์ไปในกลุ่มกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน สั่งการติดตามการหาเสียง อบจ.พรรคประชาชน โดยทวงถาม มท.หนู “อนุทิน ชาญวีรกูล” รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย มีส่วนรู้เห็นด้วยหรือไม่

แม้ล่าสุด ได้มีการสั่งย้ายปลัดอำเภอคนดังกล่าวให้มาช่วยราชการ ณ ที่ทำการปกครองจังหวัดแล้วก็ตาม แต่ มท.หนู “อนุทิน” ได้ชี้แจงว่า พื้นที่ที่ปรากฏให้เป็นข่าว คือ อ.ป่าซาง จ.ลำพูน ซึ่งมีการชี้แจงว่า เป็นเรื่องปกติ ที่ใครเข้าไปก็ต้องสั่งการ ซึ่งในอำเภอก็สั่งได้แค่กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน จะไปสั่งผู้ว่าฯ ได้อย่างไร ก็เป็นการสั่งการตามลำดับชั้นลงไปไม่มีปัญหา

“รายงานดังกล่าว เป็นรายงานใครเข้าพื้นที่ และหน่วยงานด้านความมั่นคงก็มีวิธีการ ...บุคคลที่มีชื่อเสียง ผู้มีบทบาททางการเมือง หรือข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ใครก็ตามที่เข้าไปในพื้นที่ต่าง ๆ ทางอำเภอแต่ละอำเภอ ต้องติดตามการข่าว เพื่อให้มั่นใจว่า ไม่มีอะไร หรือสิ่งที่ไม่พึ่งประสงค์เกิดขึ้น เป็นการดำเนินการตามปกติ...” รมว.มหาดไทย ระบุ

และย้ำว่า...ขออย่ากังวลเลย ถ้าหากมั่นใจว่า เรามีความนิยมอยู่แล้ว มีพื้นฐานที่ดีอยู่แล้ว

ชีวิตติดแกลม วันนี้ (3 ม.ค.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของ ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรี กรณีเข้ารับตำแหน่ง จำนวน 6 คน และกรณีพ้นจากตำแหน่ง จำนวน 11 คน

“แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรีและคู่สมรส รวย 1.39 หมื่นล้านบาท หนี้สินกว่า 4 พันล้านบาท นาฬิกา นาฬิกาหรู 114 เรือน รถยนต์ 23 คัน กระเป๋า 217 ใบ แหวน 108 วง ต่างหู 205 คู่ มีหนี้สิน 4,400 ล้านบาท ขณะที่คู่สมรส “ปิฎก สุขสวัสดิ์” มีทรัพย์สิน 147,118,452 บาท เป็นเงินสด 4,436,236 บาท มีเงินฝาก 4,899,580 บาท มีเงินลงทุน 14,096,874 บาท เงินให้กู้ยืม 12,770,000 บาท

นายกฯแพทองธาร บอกกับนักข่าว หลังจากเข้าเฝ้า สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ที่วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร ว่า ไม่เคยแจ้งบัญชีทรัพย์สินแบบนี้มาก่อน และสมเด็จพระสังฆราชฯ ได้ประทานพรให้สุขภาพแข็งแรง ทำงานรักษาความสงบสุข ไม่อยากให้มีขึ้นๆ ลงๆ ให้บ้านเมืองสงบสุข ซึ่งเป็นความตั้งใจอยู่แล้ว ท่านได้อวยพรปีใหม่ และวันนี้ได้รับน้ำมนต์ก็รู้สึกสบายใจ

ส่วนขวัญใจชาวจ.อุทัยธานี “ซาบีดา ไทยเศรษฐ์” รมช.กระทรวงมหาดไทย มีทรัพย์สินของตัวเองและคู่สมรส รวมกว่า 234 ล้านบาท หนี้สินเกือบ 3 ล้านบาท นอกจากนี้ยังครอบครอง งาช้าง 2 กิ่ง , สร้อยคอทองคำสร้อยเพชร มูลค่า 6,720,000 บาท เข็มกลัดเพชรต่างหูแหวน 2,120,000 บาท นาฬิกา PATEK PHILIPPE 1 เรือน และคู่สมรส “อนันต์ ปาทาน” มีทรัพย์สินมูลค่า 22 ล้านบาท บาท นาฬิกา Rolex 1 แหวนเพชร 1 วง ปืน 3 กระบอก และงาช้าง 2 กิ่ง

ด้าน “ลุงป๊อด” พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรมว.กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หลังพ้นตำแหน่งเมื่อวันที่ 6 ก.ย.2567 แจ้งบัญชีทรัพย์สินพร้อมคู่สมรส “สมถวิล วงษ์สุวรรณ” แจ้งมีทรัพย์สินรวม 292,293,600 บาท เป็นของพล.ต.อ.พัชรวาท 128,029,300 บาท คู่สมรส 164,264,299 บาท ไม่มีหนี้สิน

โดย พล.ต.อ.พัชรวาท แจ้งมีบัญชีเงินฝาก 11 บัญชี รวม 84,027,823 บาท ที่ดิน จำนวน 4 แปลง รวมมูลค่า 10,135,500 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 2 หลัง รวมมูลค่า 16,000,000 บาท ยานพาหนะ จำนวน 3 คัน รวมมูลค่า 8,5574,000 บาท และทรัพย์สินอื่น เช่น พระสมเด็จ พระเครื่องเหลี่ยมกรอบทอง เหรียญทอง เหรียญรัชกาลทอง และสร้อยทอง

ไม่เลิกร้อง “สนธิญา สวัสดี” ประเดิมปี 2568 ยื่นหนังสือร้องทุกข์ของรัฐบาล 4 เรื่อง ปมหลัก คือ ขอให้รัฐบาลตรวจสอบกรณีปล่อยให้ผู้เห็นต่าง แสดงความคิดเห็นในแอปพลิเคชัน TikTok หยาบคาย ด่าทอไปถึงบุพการี ซึ่งประชาชนสามารถทำได้ตามรัฐธรรมนูญ

และให้ตรวจสอบ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตรองนายกรัฐมนตรี นัดพบ “อันวาร์ อิบราฮิม” นายกรัฐมนตรีประเทศมาเลเซีย ว่านัดเจอกันที่ใด และอยู่ในฝั่งประเทศไทยหรือมาเลเซีย เนื่องจากนายทักษิณยังติดเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกประเทศในคดี ม.112 แต่หากเป็นฝั่งประเทศไทยนั้น อันวาร์ ได้รับอนุญาตจากประเทศไทยแล้วหรือไม่

นโยบายรัฐบาลแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตให้กับคนไทย โดยในกลุ่มอายุ 16 ปี ขึ้นไปจนถึง 59 ปี ที่ยังไม่ได้รับเงินดังกล่าว ว่าจะมีการใช้งบประมาณจากที่ใด และจะแจกเมื่อไหร่ และเรื่อง MOU 44 หลังกัมพูชาลากเส้นแบ่งเขตทับซ้อนทางทะเลผ่ากลางเกาะกูดขัดต่อสนธิสัญญา ไทย ฝรั่งเศส และกฎหมายสากลทางทะเลที่ประเทศกัมพูชาไม่ได้เป็นสมาชิกหรือไม่

แนะทางรอด 12 เจ้าหน้าที่ ปม “ทักษิณ” นอน รพ.ตำรวจชั้น 14 “ตู่” จตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน โพสต์เฟซบุ๊ก สถานการณ์ตั้งแต่ต้นปี 2568 ว่า อีก 13 วัน แพทย์ผู้เกี่ยวข้องการรักษา “ทักษิณ” จาก รพ.ตำรวจ และ รพ.ราชทัณฑ์ ต้องส่งรายงานการรักษาให้แพทยสภาตรวจสอบภายในวันที่ 15 ม.ค. โดยคาดว่า ไม่เกิน 45 วัน หรือต้น มี.ค.นี้ก็จะรู้ผลสอบจริยธรรมแพทย์

“ผู้เกี่ยวข้องทั้ง 12 คนที่ถูกสอบสวนไม่ต้องทำอะไรเลย เมื่อยังมีเวลาเหลืออยู่แค่กันตัวเองไว้เป็นพยานเท่านั้น วันนี้ต้องรู้ว่าเลือดสุพรรณมีอยู่จริงหรือไม่ มีใครยืนอยู่ข้างคุณบ้าง ส่วนแพทย์ถ้าถูกลงโทษยึดใบประกอบโรคศิลปะ ไม่แค่เป็นหมอไม่ได้ แต่จะติดคุกเอาด้วย ดังนั้นจึงไม่มีอะไรช่วยได้ นอกจากพูดความจริงอย่างเดียว”

ความจริง เป็นสิ่งไม่ตาย แม้คนที่พูดความจริง อาจจะตายล่วงหน้าได้ก็ตาม จับตาดูรอดหรือร่วง อีกไม่นานก็รู้ 

อ่านข่าว :

ป.ป.ช.เปิดทรัพย์สิน "แพทองธาร" รวย 1.38 หมื่นล้านบาท

"เศรษฐา" รวยลดลงหลังพ้นนายกฯ มีทรัพย์สิน 985 ล้าน

เด้งปลัดอำเภอไลน์หลุด สั่งกำนัน-ผญบ.จับตาพรรคประชาชนหาเสียง อบจ.


"เศรษฐา" รวยลดลงหลังพ้นนายกฯ มีทรัพย์สิน 985 ล้าน

Fri, 3 Jan 2025 10:55:00

วันนี้ (3 ม.ค.2568) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยบัญชีทรัพย์สินของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นายเศรษฐา ทวีสิน กรณีพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 14 ส.ค.2567 แจ้งบัญชีทรัพย์สินของตนเองและคู่สมรสคือ นางพักตร์พิไล ทวีสิน มีทรัพย์สินรวมทั้งสิ้น 985,437,437 บาท แบ่งเป็นทรัพย์สินของนายเศรษฐา 625,310,943 บาท และคู่สมรส 360,126,494 บาท โดยมีหนี้สินรวม 754,255 บาท

นายเศรษฐา แจ้งทรัพย์สินเป็นเงินสด 1,000,000 บาท เงินฝาก จำนวน 48 บัญชี รวมมูลค่า 99,524,406 บาท เงินลงทุน 1,394,738 บาท ในจำนวนนี้เป็นการลงทุนในโทเคนดิจิทัลชื่อ SiriHubA มูลค่า 199,838 บาท ที่ดิน มูลค่า 158,400,000 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างมูลค่า 156,423,120 บาท ยานพาหนะมูลค่า 50,000,000 บาท สิทธิและสัมปทาน มูลค่า 22,827,987 บาท และทรัพย์สินอื่น มูลค่า 135,740,700 บาท โดยนายเศรษฐา แจ้งเงินเบิกเกินบัญชี 674,994 บาท

ขณะที่คู่สมรสแจ้งว่ามีเงินสด 1,800,000 บาท เงินฝาก จำนวน 39 บัญชี รวม 38,199,762 บาท เงินลงทุน 58,998,824 บาท ยานพาหนะ รวมมูลค่า 2,050,000 บาท สิทธิและสัมปทาน รวมมูลค่า 759,007 บาท และทรัพย์สินอื่น ๆ รวมมูลค่า 258,318,900 บาท โดยแจ้งเงินเบิกเกินบัญชี 79,261 บาท

นายเศรษฐา ยังแจ้งอีกว่ามีรายได้ต่อปี 22,730,066 บาท เป็นเงินเดือนค่าจ้างและโบนัส 879,130 บาท เงินบำนาญชราภาพ 49,848 บาท ดอกเบี้ยจากทรัพย์สิน 450,845 บาท ผลประโยชน์หรือผลตอบแทนจากการถือครองโทเคนดิจิทัล 139 บาท รายได้จากบุตร 20,000,000 บาท

ขณะที่รายจ่ายต่อปี รวม 43,198,179 บาท เป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัว 7,290,000 บาท ค่าใช้จ่ายในครัวเรือน 1,635,000 บาท และได้ค่าใช้จ่ายในการจัดงานฌาปนกิจของมารดา 24,816,000 บาท

ก่อนหน้านี้ในการแจ้งบัญชีทรัพย์สิน เมื่อพ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เมื่อวันที่ 27 เม.ย.2567 นายเศรษฐาและคู่สมรส แจ้งว่ามีทรัพย์สิน รวมทั้งหมด 1,018,719,225 บาท

อ่านข่าว :

ป.ป.ช.เปิดทรัพย์สิน "แพทองธาร" รวย 1.38 หมื่นล้านบาท

เปิดกรุ "เศรษฐา" หลังพ้น รมว.คลัง รวย 1,018 ล้าน


เด้งปลัดอำเภอไลน์หลุด สั่งกำนัน-ผญบ.จับตาพรรคประชาชนหาเสียง อบจ.

Fri, 3 Jan 2025 10:52:33

จากกรณีนายชัยธวัช ตุลาธน อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงพรรคประชาชน โพสต์ x เป็นภาพหลุดแชตไลน์ ปลัดอำเภอคนหนึ่ง ส่งข้อความไปในไลน์ไปกลุ่มกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน สั่งการให้ติดตามการหาเสียง อบจ.ของพรรคประชาชน นั้น

วันนี้ (3 ม.ค.2568) กรมการปกครอง ทำหนังสือชี้แจงเรื่องดังกล่าวว่า ตามที่ได้มีปรากฏข่าวสารว่า นายอำเภอ และปลัดอำเภอ สั่งการกำนัน ผู้ใหญ่บ้านให้รายงานการหาเสียงติดตาม/บันทึกภาพกิจกรรมของพรรคประชาชน นั้น

กระทรวงมหาดไทย โดยกรมการปกครอง ขอเรียนแจ้งให้ทราบว่า ได้มีการวางแนวทางการปฏิบัติตน ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่น และผู้บริหารท้องถิ่นของข้าราชการ และบุคลากรในสังกัด เพื่อให้การเลือกตั้งดังกล่าวเป็นไปโดยสุจริต เที่ยงธรรมและชอบด้วยกฎหมาย โดยได้มีการดำเนินการ ดังนี้

1.กระทรวงมหาดไทยได้มีหนังสือกระทรวงมหาดไทย ด่วนที่สุด ที่ มท 0818.4/ว 11864 ลงวันที่ 13 พ.ย.2567 แจ้งผู้ว่าราชการจังหวัด กำชับเจ้าหน้าที่ของรัฐในสังกัดกระทรวงมหาดไทยที่ปฏิบัติหน้าที่ในราชการส่วนภูมิภาค ทั้งในระดับจังหวัด อำเภอ รวมถึงกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำตำบลสารวัตรกำนัน และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ตลอดจนข้าราชการ พนักงานจ้าง และลูกจ้างองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในราชการส่วนท้องถิ่นต้องวางตัวเป็นกลางทางการเมืองอย่างเคร่งครัด

2.ในการประชุมกรมการปกครอง เมื่อวันที่ 26 ธ.ค.2567 ที่ผ่านมา กรมการปกครองได้สั่งการเน้นย้ำข้าราชการฝ่ายปกครองทุกระดับ ทั้งในส่วนกลาง และส่วนภูมิภาค ให้วางตัวเป็นกลางทางการเมืองในขณะที่ปฏิบัติหน้าที่ เนื่องจากช่วงเวลานี้ อยู่ระหว่างการเลือกตั้งท้องถิ่นในพื้นที่หลายจังหวัดและจะต้องปฏิบัติตามระเบียบของทางราชการว่าด้วยมารยาททางการเมืองของข้าราชการด้วยตามที่ได้กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พศ. 2551 ลักษณะ 4 ข้าราการพลเรือนสามัญ หมวด 6 วินัยและการรักษาวินัย มาตรา 82 (9)

3.กรมการปกครอง จะมีหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัด ทุกจังหวัด เพื่อเน้นย้ำข้าราชการฝ่ายปกครองส่วนภูมิภาค ทั้งปลัดจังหวัด นายอำเภอ ปลัดอำเภอ พนักงาน เจ้าหน้าที่ สมาชิกกองอาสารักษาดินแดน ตลอดจนกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำตำบล สารวัตรกำนัน และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ให้วางตัวเป็นกลางทางการเมือง รวมถึงเน้นย้ำผู้ตรวจราชการกรมการปกครอง ทุกเขตตรวจราชการ ให้เข้มงวดกำกับดูแล การปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการฝ่ายปกครองทุกระดับ ในเขตตรวจราชการที่รับผิดชอบ

4.สำหรับกรณีที่ปรากฏตามข่าว กรมการปกครองจะเร่งรัดให้จังหวัดดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงภายใน 7 วัน และให้รายงานกรมการปกครองทราบ ในระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริงจังหวัดจะพิจารณาออกคำสั่งแต่งตั้งให้ข้าราชการรายดังกล่าวย้ายมาช่วยราชการ ณ ที่ทำการปกครองจังหวัด

นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า ล่าสุดกระทรวงมหาดไทย มีคำสั่งย้ายปลัดอำเภอคนดังกล่าว ให้มาช่วยราชการที่ที่ทำการปกครองจังหวัดแล้ว และให้รายงานข้อเท็จจริงภายใน 7 วัน

อ่านข่าว : ป.ป.ช.เปิดทรัพย์สิน "แพทองธาร" รวย 1.38 หมื่นล้านบาท

จนท.นำกำลังบุกจับ "ยุน ซอก-ยอล" ถึงบ้านพัก กลุ่มสนับสนุนขวาง

"ยุน ซอก-ยอล" ประกาศสู้จนถึงที่สุดหลังถูกออกหมายจับ