"เบี้ยผู้สูงอายุ 2568" เงินเข้าวันไหนบ้าง เช็กเงื่อนไข-ลงทะเบียน 2569

Fri, 10 Jan 2025 12:25:10

เริ่มปี 2568 เดือน มกราคม "เบี้ยผู้สูงอายุ" เงินเข้าบัญชีแล้ววันนี้ "10 มกราคม" ซึ่งผู้สูงอายุที่จะได้รับเงินจะต้องมีอายุ 60 ปีขึ้นไปผ่านการลงทะเบียนก่อนหน้านี้แล้ว พร้อมกางตารางการจ่ายเงิน "เบี้ยสูงอายุ 2568"  

"เบี้ยผู้สูงอายุ" หรือ "เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ" เป็นสวัสดิการที่ทางภาครัฐจัดสรรให้แก่ "ผู้สูงอายุ" ที่มี "อายุ 60 ปีขึ้นไป" เพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายการดำรงชีวิตในแต่ละเดือน แต่ละปีจะมีการเปิดให้ผู้ที่มีคุณสมบัติรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุรายใหม่มาลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิ และการรับเงินเบี้ยผู้สูงอายุจะต้องละทะเบียนก่อน

ตารางการจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568

ภาครัฐจะโอนเงินผ่านธนาคารที่ผู้สูงอายุลงทะเบียนไว้ ทุกวันที่ 10 ของทุกเดือน หากวันที่ 10 ของเดือนใดตรงกับ "วันหยุดเสาร์ อาทิตย์" หรือ "วันหยุดนักขัตฤกษ์" ก็จะเลื่อนจ่ายเงินเป็นก่อนวันที่ 10 ของเดือนนั้น ๆ ดังนั้นอาจจะได้รับเงิน ไม่ตรงกันในแต่ละเดือน โดย เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 2568 จะโอนเงินเข้าบัญชี ดังนี้

เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ได้เงินเท่าไหร่

เงื่อนไขลงทะเบียน "เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ" รอบใหม่ เช็กคุณสมบัติ

รายใหม่ ลงทะเบียน "เบี้ยผู้สูงอายุ" สำหรับผู้สูงอายุ อายุครบ 60 ปี ประจำปีงบประมาณ 2569 มาเช็กเงื่อนไข และขึ้นตอน เอกสารที่ต้องใช้ในการขอรับสิทธิ พร้อมปฎิทินการจ่ายเงิน มาอัปเดตกัน

- สัญชาติไทย

- เป็นผู้สูงอายุที่มีอายุเกิน 60 ปี ยังไม่เคยลงทะเบียนรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 

- เป็นผู้ที่จะมีอายุครบ 60 ปี โดยเป็นผู้ที่เกิดก่อนวันที่ 2 กันยายน 2509 ลงทะเบียนรับเงินประจำปีงบประมาณ 2569

- ไม่เป็นผู้ได้รับสวัสดิการหรือสิทธิประโยชน์อื่นใดจากหน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้แก่

ลงทะเบียนเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ได้เมื่อไหร่

กรณีมีอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ แต่ยังไม่เคยลงทะเบียน

กรณีจะอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ ในปีงบประมาณ 2569 (เกิดก่อนวันที่ 2 กันยายน 2509)

ผู้ที่ลงทะเบียนจะได้รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุในเดือนถัดไปจากเดือนที่มีอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ เช่น เกิดเดือน "กุมภาพันธ์" จะได้รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุในเดือน "มีนาคม" เป็นเดือนแรก

"ผู้สูงอายุ" สามารถดำเนินการได้ด้วยตนเอง หรือมอบหมายให้ผู้อื่นเป็นผู้ยื่นคำขอรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุแทนได้ และหากผู้สูงอายุมีความประสงค์โอนเงินเข้าบัญชีผู้อื่น ต้องมีหนังสือมอบอำนาจตัวจริง พร้อมสำเนาบัตรประชาชนและทะเบียนบ้านของผู้รับมอบอำนาจ อย่างละ 1 ชุด

ยื่นเอกสารแล้ว จะได้รับเงินเมื่อไหร่

ผู้สูงอายุที่ขึ้นทะเบียนไว้ ตั้งแต่วันที่ 1- 30 พฤศจิกายน ของทุกปี จะได้รับเงินเบี้ยยังชีพ เริ่มตั้งแต่เดือนตุลาคมของปีถัดไป (ไม่มีการจ่ายย้อนหลัง)

เอกสารที่ต้องเตรียม

สำหรับเอกสารที่ต้องเตรียม ดังนี้

1. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน จำนวน 1 ชุด

2. สำเนาทะเบียนบ้าน จำนวน 1 ชุด

3. สำาเนาสมุดบัญชีธนาคาร จำนวน 1 ชุด

ในกรณีผู้สูงอายุที่มีสิทธิรับเงินเบี้ยยังชีพ ผู้สูงอายุย้ายทะเบียนบ้านให้เทศบาล หรือ อบต. ที่เคยจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเดิมยังคงจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุจนกว่าจะสิ้นสุดปีงบประมาณ นั้น คือเดือนกันยายน

และหากมีความประสงค์จะรับเบี้ยยังชีพกับเทศบาล หรือ อบต. แห่งใหม่ ต้อง ไปจดทะเบียนเพื่อขอรับเบี้ยยังชีพที่เทศบาล หรือ อบต.แห่งใหม่ ภายในวันที่ 1 - 30 พฤศจิกายนของทุกปี และเริ่มรับเงินที่ใหม่ในเดือนตุลาคม ของปีถัดไป (เอกสารต้องลงลายมือชื่อ สำเนาถูกต้องทุกฉบับ ผู้สูงอายุที่ไม่สามารถเขียนได้ ให้พิมพ์ลายมือแทน)

การลงทะเบียนล่วงหน้าเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ได้รับสิทธิตามกำหนดเวลา 

อย่างไรก็ตาม หากผู้สูงอายุมีข้อสงสัยเพิ่มเติมสามารถสอบถามได้ทางหน่วยงานที่ลงทะเบียนรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุไว้ โดยในกรุงเทพมหานครสามารถสอบถามได้ที่สำนักงานเขต ส่วนต่างจังหวัดสอบถามได้ที่เทศบาลและองค์การบริหารส่วนตำบลในท้องถิ่น หรือติดต่อ กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เบอร์ 02-2419000 ต่อ 4131

อ้างอิงข้อมูล กรมกิจการผู้สูงอายุ, องค์การบริหารส่วนตำบลบ่อแฮ้ว

อ่านข่าว : "บัตรประชาชน" ใช้อย่างไรปลอดภัย หากข้อมูลหลุดจะเกิดอะไรขึ้น?

ปีใหม่ 2568 ลอกคราบเหมือนงู! เริ่มต้นชีวิตใหม่ "เปลี่ยนแปลง-เติบโต"

ถ่ายรูปข้อมูลบัตรประชาชน ผิด PDPA หรือไม่? เจ้าของมีสิทธิแค่ไหน


รู้จัก "เอนเทอโรไวรัส" ต้นตอเด็ก 3 ขวบเสียชีวิต

Fri, 10 Jan 2025 12:00:00

กรณีมีการแชร์ข่าวในโซเชียลมีเดียเกี่ยวกับเด็กที่มีอาการไข้ต่ำ ๆ แต่ต่อมามีอาการชักเกร็งและหัวใจหยุดเต้นอย่างฉับพลัน ซึ่งแพทย์ผู้ดูแลวินิจฉัยว่าน่าจะเกิดจากภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ

วันนี้ (10 ม.ค.2568) นพ.ธนินทร์ เวชชาภินันท์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า จากข้อมูลทางการแพทย์ พบว่า อัตราการเสียชีวิตจากกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบเฉียบพลัน ในเด็กที่สุขภาพแข็งแรงดีมาก่อนพบได้น้อยมาก ประมาณ 1 ต่อ 500,000 ถึง 1 ในล้านคน เทียบได้กับโอกาสการเสียชีวิตจากการถูกฟ้าผ่า โดยพบว่าเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี มีความเสี่ยงมากกว่าเด็กโต

เชื้อที่เป็นสาเหตุส่วนใหญ่เป็นเชื้อไวรัส โดยหลัก ๆ จะเป็นเชื้อกลุ่มเอนเทอโรไวรัส (Enterovirus) โดยเฉพาะอย่างยิ่งสายพันธุ์ 71 ที่ทำให้เกิดโรคมือ เท้า ปาก ชนิดรุนแรง หรือเชื้อโควิด-19 ซึ่งปัจจุบันมีวัคซีนป้องกันแล้ว

ขณะที่ รพ.อัครฐาน จิตนุยานนท์ ผอ.สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กรมการแพทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า เมื่อมีข่าวที่กระทบความรู้สึกรุนแรง เช่น กรณีเด็กป่วยหนัก สมองของเราจะจดจำและระลึกถึงเหตุการณ์นั้นได้ง่ายกว่าข่าวทั่วไป เพราะเป็นธรรมชาติของสมองที่จะให้ความสำคัญกับเรื่องที่สะเทือนใจ

เมื่อข่าวถูกแชร์ต่ออย่างกว้างขวาง อาจทำให้รู้สึกว่าเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นบ่อยกว่าความเป็นจริง นักจิตวิทยาเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า Retrievablility bias หรือ ความโน้มเอียงที่เกิดจากเรื่องนึกออกง่าย จนบางครั้งสิ่งที่เราเผชิญอาจไม่ใช่การระบาดของโรค แต่เป็นการระบาดของข้อมูลข่าวสารมากกว่า

โดยทั่วไป เชื้อกลุ่มนี้ไม่ได้ติดต่อผ่านการหายใจ รับเชื้อจากในอากาศเข้าไปโดยตรง แต่มักติดต่อจากการสัมผัสผ่านละอองฝอย หรือการสัมผัสเชื้อจากพื้นผิวแล้วนำมือมาสัมผัสใบหน้า

การป้องกันทำได้โดยหลีกเลี่ยงสถานที่แออัด ใส่หน้ากากอนามัยในเด็กอายุ 2 ปีขึ้นไปและล้างมือบ่อย ๆ แม้ว่าโรคนี้จะพบไม่บ่อย แต่ผู้ปกครองควรสังเกตอาการ โดยเฉพาะเมื่อเด็กไม่สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ เช่น ไม่เล่น ไม่รับประทานอาหาร ไม่สามารถนอนหลับพักได้ หรือมีอาการกระสับกระส่าย หรือผวากระตุกบ่อยผิดปกติ ควรรีบพาไปพบแพทย์

แต่หากเป็นอาการไข้ ไอ มีน้ำมูก และเมื่อไข้ลงสามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ ผู้ปกครองพิจารณาการให้วัคซีนเสริมป้องกันป้องกันการติดเชื้อ เพื่อลดความเสี่ยงต่อสายพันธุ์ที่รุนแรงได้

ทั้งนี้ สถาบันสุขภาพเด็กฯ ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและพร้อมให้การดูแลรักษาอย่างเต็มความสามารถ อีกทั้งจะสื่อสารข้อมูลและคำแนะนำที่จำเป็นแก่ประชาชนอย่างต่อเนื่อง

อ่านข่าว

รู้จักภาวะ "กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบจากไวรัส" ในเด็ก สาเหตุ-วิธีป้องกัน

ใช้โซเชียลฯ เลี้ยงลูก จิตแพทย์เตือนเสี่ยงเหมือนเปิดประตูบ้านทิ้งไว้

ภัยเงียบออฟฟิศ "Boreout" ความเบื่อหน่ายคุกคามสุขภาพจิตคน


ทำเนียบ! พร้อมรับวันเด็กนั่งเก้าอี้นายกฯ-โชว์รถโบราณ-หมูเด้ง

Fri, 10 Jan 2025 11:32:00

วันนี้ (10 ม.ค.2568) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการเตรียมงานวันเด็กแห่งชาติ 2568 ที่ทำเนียบรัฐบาลวันนี้ เจ้าหน้าที่ได้จัดเตรียมสถานที่ ตั้งเต๊นท์ จัดซุ้มกิจกรรม ทั้งจากภาครัฐ และภาคเอกชน เพื่อเตรียมงานที่จะจัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 11 มกราคม 2568 ตั้งแต่เวลา 08.00 น.-15.00 น. ภายใต้ธีม “ ร่วมคิด ร่วมสร้าง ร่วมวางอนาคต“

โดยเด็ก ๆ จะพบกับกิจกรรมมากมาย เปิดโอกาสให้เด็ก ๆ ได้นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี และเข้าเยี่ยมชมตึกไทยคู่ฟ้า ห้องทำงานนายกรัฐมนตรี และกิจกรรมเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและบูรพกษัตริย์ไทย ณ ตึกภักดีบดินทร์ 

รวมทั้งทดสอบการอ่านข่าวภาคภาษาไทย และภาคภาษาอังกฤษ สวมบทบาท “โฆษกรัฐบาล..นิวส์จิ๋ว” ณ ตึกนารีสโมสร รวมทั้งกิจกรรมพิเศษโดยผู้แทนเยาวชนในภูมิภาคต่าง ๆ จะร่วมพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีผ่านระบบซูม (zoom) ณ ตึกสันติไมตรีอีก(หลังใน) อีกด้วย

อ่านข่าว  ใช้โซเชียลฯ เลี้ยงลูก จิตแพทย์เตือนเสี่ยงเหมือนเปิดประตูบ้านทิ้งไว้

จำลองสวนสัตว์เปิดเขาเขียว-หมูเด้ง

นอกจากนี้ยังมีการจำลองสวนสัตว์เปิดเขาเขียว มาไว้ที่ทำเนียบรัฐบาล พร้อมนำตุ๊กตาน้องหมูเด้งมาด้วย ให้น้อง ๆ ได้ถ่ายภาพกัน บริเวณสนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า และเตรียมพบกับขบวนมาสคอตรณรงค์ลดขยะอาหาร รวมถึงรถโมเดลโบราณ ที่นำมาจอดให้เด็ก ๆ ได้ถ่ายรูปกัน

อีกทั้งยังมีกิจกรรม ชิงของรางวัล และเสริมสร้างความรู้จำนวนมาก และขอให้เด็ก ๆ เตรียมพกถุงผ้ามาใส่ของขวัญ ของรางวัล และ ของที่ระลึก ที่แต่ละหน่วยงาน เตรียมไว้แจกเป็นจำนวนมากอีกด้วย และงานนี้นายกรัฐมนตรีได้นำไอศกรีมมาแจกให้กับเด็ก ๆ จำนวน 1,000 ถ้วยด้วย

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มอบคำขวัญวันเด็กประจำปี 2568 ให้กับเด็ก ๆ เยาวชนไทย เพื่อร่วมสร้างแรงบันดาลใจว่า “ทุกโอกาส คือ การเรียนรู้ พร้อมปรับตัวสู่อนาคตที่เลือกเอง”

ทบ.แจ้งเคลื่อนย้ายยุทโธปกรณ์จัดงานวันเด็ก

ขณะที่กองทัพบกขอแจ้งการเคลื่อนย้ายยุทโธปกรณ์ จากหน่วยทหารในพื้นที่ จ.สระบุรี จ.ชลบุรี และ จ.ปราจีนบุรี มายังกองบัญชาการกองทัพบก ถ.ราช ดำเนินนอก กทม. เพื่อเตรียมจัดงานวันเด็กแห่งชาติประจำปี 2568 โดยเริ่มดำเนินการเคลื่อนย้ายตั้งแต่ วันที่ 8 ม.ค.68 มีรายละเอียดดังนี้

หน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศกองทัพบก (นปอ.) ดำเนินการเคลื่อนย้ายปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานขนาดเบา (ปตอ.40 มม.แบบ แอล 70) 2 ลำ อาวุธนำวิถีต่อสู้อากาศยานระดับต่ำจำนวน 2 ลำ และปืนต่อสู้อากาศยานอัตตาจรลำกล้องหมุนขนาด 20 มม.จำนวน 2 ลำ โดยเคลื่อนย้ายจากที่ตั้งหน่วย ปตอ.1-ถ.แจ้งวัฒนะ-ถ.วิภาวดี-ห้าแยกลาดพร้าว -แยกสะพานควาย - ถ.สามเสน-ถ.อำนวยสงคราม-สามแยกพิชัย-แยกขัติยานี-ถ.นครราชสีมา - บก.ทบ.

กองพลทหารราบที่ 11 (พล.ร.11) ดำเนินการเคลื่อนย้ายเครื่องยิงลูกระเบิด ขนาด 120 มม. แบบอัตตาจรล้อยาง (ATMM) จำนวน 2 คัน และยานเกราะล้อยาง M1126 STRYKER จำนวน 2 คัน โดยเคลื่อนย้ายจากที่ตั้งหน่วยกรม ร.112 อ.เกาะจันทร์ จ.ชลบุรี- ถ.331-ถ.3304-ทางด่วนมอเตอร์เวย์ หมายเลข 7-ลงทางด่วน ด่านยมราช-ถ.พิษณุโลก ถ.ราชดำเนินนอก - บก.ทบ.

กองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ 

ดำเนินการเคลื่อนย้ายยานเกราะล้อยาง (BTR-3E1) จำนวน 2 คัน โดยเคลื่อนย้ายจากที่ตั้งหน่วย อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี-ถ.สุวรรณศร-ถ.รังสิต-ถ.วิภาวดีรังสิต-ถ.พหลโยธิน-ถ.พระราม 6-ถ.นครสวรรค์-ถ.ราชดำเนินนอก-บก.ทบ.

ศูนย์การทหารม้า (ศม.)

ดำเนินการเคลื่อนย้ายยานเกราะล้อยาง 8 x 8 แบบ VN 1 จำนวน 2 คัน โดยเคลื่อนย้ายจากที่ตั้งหน่วย ศม. จ.สระบุรี-ถ.พหลโยธิน-ถ.ราชดำเนินนอก - บก.ทบ.ทั้งนี้หน่วยจะดำเนินการเคลื่อนย้ายยุทโธปกรณ์กลับที่ตั้งหน่วยตามเส้นทางเดิม ในวันที่ 11 ม.ค.นี้


ฝุ่น PM2.5 เกินเกณฑ์สีส้มคลุม กทม. "หนองแขม" สูงสุด

Fri, 10 Jan 2025 08:06:26

วันนี้ (10 ม.ค.2568) เมื่อเวลา 07.00 น. ศูนย์ข้อมูลคุณภาพอากาศกรุงเทพมหานคร รายงานสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ในพื้นที่กรุงเทพฯ ค่าเฉลี่ยตรวจวัดได้ 43.4 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.) เกินมาตรฐานระดับสีส้ม คุณภาพอากาศเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ

สำหรับค่าฝุ่น PM2.5 สูงสุด 5 อันดับในพื้นที่กรุงเทพฯ

1. เขตหนองแขม ตรวจวัดได้ 61.5 มคก./ลบ.ม.
2. เขตทวีวัฒนา ตรวจวัดได้ 57.3 มคก./ลบ.ม.
3. เขตธนบุรี ตรวจวัดได้ 54.4 มคก./ลบ.ม.
4. เขตบางบอน ตรวจวัดได้ 54.2 มคก./ลบ.ม.
5. เขตภาษีเจริญ ตรวจวัดได้ 53.6 มคก./ลบ.ม.

ภาพรวมสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5

กรุงเทพเหนือ ตรวจวัดได้ระหว่าง 38.9 - 50 มคก./ลบ.ม. คุณภาพอากาศเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ
กรุงเทพตะวันออก ตรวจวัดได้ระหว่าง 37.1 - 47.6 มคก./ลบ.ม. คุณภาพอากาศเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ
กรุงเทพกลาง ตรวจวัดได้ระหว่าง 35.4 - 48.9 มคก./ลบ.ม. คุณภาพอากาศเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ
กรุงเทพใต้ ตรวจวัดได้ระหว่าง 34.45 - 48.1 มคก./ลบ.ม. คุณภาพอากาศเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ
กรุงธนเหนือ ตรวจวัดได้ระหว่าง 41.3 - 57.3 มคก./ลบ.ม. คุณภาพอากาศเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ
กรุงธนใต้ ตรวจวัดได้ระหว่าง 41.6 - 61.5 มคก./ลบ.ม. คุณภาพอากาศเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ

อ่านข่าว

ฝุ่นพิษ PM 2.5 ฆาตกรเงียบ เบื้องหลังโรคหลอดลมอักเสบ

ภัยเงียบออฟฟิศ "Boreout" ความเบื่อหน่ายคุกคามสุขภาพจิตคน

ธปท.สั่ง "ธนาคาร" คืนเงินผู้เสียหายถูกขโมยบัตรเครดิตไปใช้


ใช้โซเชียลฯ เลี้ยงลูก จิตแพทย์เตือนเสี่ยงเหมือนเปิดประตูบ้านทิ้งไว้

Thu, 9 Jan 2025 18:03:00

"อย่าเล่นโทรศัพท์ตอนกินข้าวครับ" เสียงบ่นของยายกับหลานชายวัย 12 ปี ที่อยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ หลังเริ่มพบว่าเด็กชายคนนี้ติดโทรศัพท์มือถือแทบจะตลอดเวลา เพราะตั้งแต่ตื่นนอน เข้าห้องน้ำ อาบน้ำ กินข้าว หรือวันหยุด เขาจะใช้เวลาส่วนใหญ่นั่งเล่นเกม ดูคลิป ดูยูทูบ

แม้จุดเริ่มต้นจะมาจากความรักของคนในครอบครัวที่อยากเอาใจลูกหลาน ด้วยการยื่นมือถือให้ดูการ์ตูนหรือดูคลิป เพื่อผ่อนคลาย รวมถึงการให้โทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่เป็นของขวัญ

ทุกวันนี้เด็กชายยังไม่ถึงขั้นติดเกมจนมีนิสัยก้าวร้าว แต่การไม่จำกัดเวลาและปล่อยให้เด็กติดจอเกินพอดี กำลังเป็นสิ่งที่น่ากังวลสำหรับยาย

ทางแก้ยังมองไม่ออก ได้แต่ภาวนาว่าสักวันแม่ของน้องจะจริงจังกับการจำกัดชั่วโมงการเล่น เพื่อไม่ให้กระทบกับการเรียนและเกิดปัญหาเหมือนที่เคยเกิดกับเด็กคนอื่น ๆ

ขณะที่แม่คนหนึ่งสะท้อนพฤติกรรมของลูกสาววัย 8 ขวบ ที่ชอบเล่นเกมออนไลน์กับเพื่อน ๆ ในช่วงค่ำของทุกวัน ซึ่งเป็นเกมยอดฮิตของเด็กปฐมวัย ความสนุกของเกมทำให้หลายครั้งลูกงอแงเพราะไม่อยากหยุดเล่น เมื่อถึงเวลาที่แม่กำหนดไว้ และในที่สุดต้องจบเรื่องด้วยการทะเลาะกัน

เรารู้ว่าลูกสนุก เพราะมีเพื่อนเล่นหลายคนและทุกคนไปเจอกันในเกม แม้จะจำกัดเวลา แต่ลูกก็เล่นเกินเวลาไปมาก บอกให้หยุดเล่นก็จะหงุดหงิด

ลูกสาวของเธอยังชอบดูคลิปในยูทูบและนั่งดูได้ทั้งวันหากเป็นช่องที่ตัวเองชอบ ทำให้กิจกรรมต่าง ๆ ที่ลูกเคยทำในชีวิตประจำวันหายไป ทั้งการวาดรูป ทำงาน DIY รวมถึงเล่นเปียโน

แม่เด็กวัย 8 ขวบยังสะท้อนว่า แม้จะเข้มงวดการใช้โทรศัพท์มือถือกับลูก แต่เมื่อไหร่ที่ลูกต้องออกไปพบปะเพื่อน ก็ต้องผ่อนผันความเข้มงวด เพราะเด็ก ๆ มีโทรศัพท์มือถือหรือแท็บเล็ตเป็นของตัวเอง และเล่นตลอดเวลาที่อยากเล่น ทั้งช่วงนั่งรถหรือกินข้าว ลูกเราก็ต้องดูและเล่นไปพร้อมกับเพื่อนด้วย จะให้พูดหรือห้ามลูกคนอื่น ๆ ก็คงไม่ได้ ในเมื่อพ่อแม่เขาอนุญาต แม่เคยลองพูดแล้ว แต่ก็ไม่มีเด็กคนไหนหยุดเล่น

ใช้สื่อโซเชียลฯ เลี้ยงเด็ก เสี่ยงเจอคนไม่หวังดี

นพ.วรตม์ โชติพิทยสุนนท์ จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น กล่าวถึงกรณีพ่อแม่เลี้ยงลูกด้วยมือถือหรือแท็บเล็ต ว่า การใช้สื่อต่าง ๆ เลี้ยงลูก เหมือนเป็นการฝากคนอื่นเลี้ยงแทน เพราะเราไม่ได้รู้จักทุกคนในโซเชียล และเท่ากับเป็นการเปิดประตูบ้านทิ้งไว้ หากโชคดีลูกอาจได้รู้จักกับคนดี หรือรับข้อมูลข่าวสารที่ดี แต่อีกด้านก็มีโอกาสเจอคนไม่หวังดี หรือคนที่พยายามเข้ามาหาผลประโยชน์

การปล่อยให้ลูกอยู่กับโลกโซเชียลเพียงลำพัง เป็นความเสี่ยงที่พ่อแม่ไม่อาจควบคุมได้ เพราะไม่สามารถพูดคุยกับลูกในสิ่งที่เขาเห็น รับรู้ หรือเขาพูดคุยติดต่อกับใคร ก็มีโอกาสทำให้เกิดอันตรายหรือเรื่องไม่คาดคิดได้

นอกจากนี้ หากพ่อแม่ซื้อมือถือหรือแท็บเล็ตให้กับลูกก่อนถึงวัยที่พวกเขาควรจะได้รับ และแก้ปัญหาด้วยการจำกัดเนื้อหาและเวลาการเล่น อยากให้ตระหนักว่าเด็กทุกคนมีโอกาสติดเกม ติดมือถือ หรือติดโซเชียล

พ่อแม่ที่คิดจะซื้อเครื่องมือสื่อสารให้กับลูกต้องรู้เท่าทัน เตรียมรับมือตลอดเวลา และเป็นหน้าที่ของพ่อแม่ที่จะต้องติดตามดูว่าลูกใช้งานอย่างไร เนื้อหาและระยะเวลาใช้งาน รวมถึงมีพฤติกรรมหลังการใช้งานถูกต้องเหมาะสมหรือไม่ เพราะการจะให้ลูกอยู่กับเครื่องมือสื่อสารต่าง ๆ เป็นการทำงานระยะยาวที่จะต้องทำร่วมกันทั้งครอบครัว

อ่านข่าว : เตือนภัย "เด็ก" สถิติ 1 ปี ถูกล่วงละเมิดทางเพศออนไลน์ 346 คดี

ส่วนครอบครัวที่พ่อแม่ต้องไปทำงานต่างจังหวัดและฝากลูกไว้ให้ปู่ย่าตายายเลี้ยง แล้วใช้วิธีวิดีโอคอลพูดคุยกัน จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่นแนะนำว่า ถึงอย่างไรเด็กต้องมีคนดูแล แม้คนที่เลี้ยงจะเป็นปู่ย่าตายายหรือใครก็ตาม พ่อกับแม่ของเด็กต้องไม่ปล่อยปละละเลยพวกเขา เพราะปู่ย่าตายายอาจไม่ได้อัปเดตโลกโซเชียล ไม่เท่าทันเกม จึงเป็นหน้าที่ของพ่อกับแม่ที่จะต้องพูดคุยทำความเข้าใจกับปู่ย่าตายายด้วยเช่นกัน อย่าผลักภาระให้พวกเขาเป็นคนจัดการทั้งหมด แล้วมารู้อีกทีตอนที่ลูกมีปัญหา

ดังนั้น หากพ่อแม่วิดีโอคอลพูดคุยกับลูกได้ ก็ควรพูดคุยกับปู่ย่าตายายและปรับวิธีการเลี้ยงดูให้เข้าใจตรงกัน หลายคนอาจจะบ่นว่าปู่ย่าตายายไม่เข้าใจวิธีการเลี้ยงดูของตัวเอง หรือไม่ฟังว่าพ่อแม่อยากให้เลี้ยงดูแบบไหน ก็ควรนึกถึงใจเขาใจเราและพยายามปรับจูนให้ได้วิธีการที่เป็นประโยชน์ต่อเด็กมากที่สุด

เด็กหมกมุ่นโซเชียล-ไม่พอใจถูกห้ามเล่น

นพ.วรตม์ กล่าวอีกว่า หากเด็กใช้เวลากับโซเชียลมากเกินไป จะทำให้สูญเสียเวลาทำอย่างอื่นไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นการเรียนหรือการออกกำลังกาย และที่จะตามมาคือปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพจิต ปัญหาสุขภาพทางกาย เนื่องจากมีพฤติกรรมเนือยนิ่ง ไม่ได้ขยับร่างกายไปไหน โอกาสที่จะป่วยเป็นโรค NCDs หรือโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ในอนาคตก็จะเพิ่มมากขึ้น

สำหรับเด็กที่แสดงอาการไม่พอใจเมื่อถูกจำกัดเวลาการเล่นโซเชียล เพราะเด็กมักอยากทำอะไรที่สบายที่สุด เขามีสิทธิ์แสดงความต้องการ แสดงอารมณ์และความรู้สึกว่าเขาไม่พอใจเวลาถูกห้าม

แต่สิ่งสำคัญคือ เมื่อเขาเกิดความไม่พอใจแล้ว สามารถจัดการอารมณ์ตัวเองได้หรือไม่ ทำตามกฎกติกาได้หรือไม่ หากทำได้ก็ถือว่าประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง แต่ถ้าทำไม่ได้ พ่อแม่ก็ต้องตั้งกฎกติกาที่เหมาะสมในการใช้งานครั้งต่อไป หรือหากไม่สามารถทำตามกฎกติกาได้จริง ๆ มีอารมณ์รุนแรง ฉุนเฉียว ก็ควรหยุดใช้โซเชียลสักพักและตั้งกฎกติกาขึ้นมาใหม่

อ่านข่าว

แกะกล่อง "ของขวัญ" สุดปังวันเด็กปี 2568

วันเด็ก 2568 ปักหมุดสถานที่จัดงาน กับกิจกรรม-ของขวัญมากมาย

รู้จักภาวะ "กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบจากไวรัส" ในเด็ก สาเหตุ-วิธีป้องกัน


สพฉ. แจ้งความ "อาสาชุดแดง" นำส่งผู้ป่วยไกลจุดเกิดเหตุ

Thu, 9 Jan 2025 17:07:40

วันนี้ (9 ม.ค.2568) ร.อ.นพ.อัจฉริยะ แพงมา เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) มอบหมายให้ นายไพศาล ก้อนจำปา ผู้ช่วยเลขาธิการ สพฉ. ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจนครบาลดินแดง ในพฤติการณ์กระทำความผิดของบุคคลมูลนิธิชุดแดง ที่ใช้รถลักษณะคล้ายรถบริการการแพทย์ฉุกเฉิน เปิดสัญญาณไฟวับวาบ และนำส่งผู้ป่วยฉุกเฉินไปยังโรงพยาบาลไกลจากจุดเกิดเหตุ

อ่านข่าว : ร้องเรียน "กู้ภัยชุดแดง" ส่งผู้ป่วยโรคหัวใจผิด รพ. อ้างรถติด

จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง ทราบว่า เมื่อวันที่ 28 ธ.ค.2567 เวลาประมาณ 14.30 น. หน่วยปฏิบัติการอำนวยการระดับสูงกรุงเทพมหานคร (ศูนย์เอราวัณ) ได้รับแจ้งเหตุผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต ผ่านหมายเลข 1669 พิกัดเป็นคอนโดแห่งหนึ่งในเขตดินแดง จึงสั่งการหน่วยปฏิบัติการแพทย์ระดับสูงออกปฏิบัติการฉุกเฉิน แต่ปรากฏว่ามีเจ้าหน้าที่มูลนิธิแห่งหนึ่งสวมใส่เครื่องแบบสีแดง เดินทางมายังสถานที่เกิดเหตุ โดยไม่ได้รับสั่งการจากศูนย์เอราวัณ และนำตัวผู้ป่วยฉุกเฉินรายดังกล่าวไปส่งโรงพยาบาลแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ไกลออกไป โดยใช้รถตู้ลักษณะคล้ายรถบริการการแพทย์ เปิดไฟสัญญาณวับวาบ

การตรวจสอบ พบว่า มูลนิธิดังกล่าวไม่ได้รับการอนุมัติและขึ้นทะเบียนเป็นหน่วยปฏิบัติการแพทย์ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และข้อมูลรถตามหมายเลขทะเบียนที่ปรากฏ พบว่าเป็นรถที่ไม่ได้รับการรับรองมาตรฐานรถบริการการแพทย์ฉุกเฉิน ไม่ได้รับการขออนุญาตใช้ไฟสัญญาณวับวาบแสงแดงและน้ำเงิน เสียงสัญญาณไซเรน ตามข้อกำหนดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

พฤติการณ์ดังกล่าวส่งผลถึงความเชื่อมั่นในระบบการแพทย์ฉุกเฉิน สพฉ. จึงได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐาน พร้อมแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจนครบาลดินแดง เพื่อให้ดำเนินคดีกับบุคคลดังกล่าวตามกฎหมายจราจรทางบกต่อไป

อ่านข่าว : ท่องเที่ยวไทยปี68 ส่อเสื่อมมนต์ขลัง ทีทีบี แนะรัฐยกระดับดึงนักเที่ยวกลุ่มใหม่

ลอบสังหารอดีต สส. “เพื่อนบ้าน” ส่อบาน โยงปมขัดแย้งการเมืองในกัมพูชา

ตร.เร่งคลายปม เหตุ "คนกาญจนบุรี" ตกตึก 18 ชั้นในปอยเปต


พม.สรุป “เด็ก” ยังเป็นกลุ่มใหญ่ “ความรุนแรง” ทั้งใน-นอกครอบครัว

Thu, 9 Jan 2025 15:13:00

วันที่ 8 ม.ค.2568 นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เปิดเผยว่า วันนี้มีการนำเสนอผลการดำเนินงานของศูนย์เร่งรัดจัดการสวัสดิภาพประชาชน (ศรส.) ในรอบ 1 ปี (มกราคม-ธันวาคม 2567) พบว่า มีประชาชนขอความช่วยเหลือมาที่ศรส. ทั้งหมด 188,625 กรณี

โดยผ่านช่องทางการให้บริการสูงสุดคือสายด่วน 1300 จำนวน 171,204 กรณี รองลงมา คือ สื่อสังคมออนไลน์ 14,855 กรณี, ขอรับบริการด้วยตนเอง 1,466 กรณี, เป็นข่าวทางศูนย์ปฏิบัติการ พม. 1,081 กรณี, ผ่านกองตรวจราชการ 19 กรณี

พื้นที่ให้บริการมากที่สุดคือ กรุงเทพมหานคร 119,107 กรณี รองลงมา คือ ภาคกลาง 22,499 กรณี ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 18,101 ภาคใต้ 12,842 ปริมณฑล 10,914 ภาคเหนือ 5,162 กรณี

กลุ่มผู้ประสบปัญหาสูงที่สุดคือ วัยทำงาน 97,455 ราย รองลงมาคือ กลุ่มคนพิการ 33,051 ราย ผู้สูงอายุ 31,306 ราย เด็ก 23,337 ราย เยาวชน 3,476 ราย

ศรส.ได้ดำเนินการช่วยเหลือ 163,556 กรณี แบ่งเป็น 1.ช่วยเหลือและคุ้มครองสวัสดิภาพ 31,619 กรณี ได้แก่ 1.1 พื้นที่กรุงเทพมหานคร 9,210 กรณี ซึ่งปัญหาที่มากอันดับหนึ่ง คือ รายได้ความเป็นอยู่ 3,621 กรณี รองลงมา คือ คนไร้ที่พึ่งและขอทาน 2,825 กรณี

1.2 ปริมณฑล 3,960 กรณี ซึ่งปัญหาที่มากอันดับหนึ่ง คือ รายได้ความเป็นอยู่ 1,993 กรณี รองลงมา คือ ปัญหาความสัมพันธ์ในครอบครัว 617 กรณี และคนไร้ที่พึ่งและขอทาน 608 กรณี

1.3 ส่วนภูมิภาค 18,449 กรณี ซึ่งปัญหาที่มากอันดับหนึ่ง คือ รายได้ความเป็นอยู่ 11,329 กรณี รองลงมา คือ ปัญหาความสัมพันธ์ในครอบครัว 1,847 กรณี และความรุนแรง 1,707 กรณี

2.การให้คำปรึกษา 69,791 กรณี โดยประเด็นสูงสุด คือ ปัญหาสิทธิสวัสดิการ 32,256 กรณี รองลงมา คือ ปัญหาที่เป็นปรากฏการณ์ทางสังคมฯ (สอบถามโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital wallet) 16,538 กรณี ปัญหาความสัมพันธ์ในครอบครัว 7,470 กรณี และปัญหารายได้และความเป็นอยู่ 7,159 กรณี ปัญหาเรื่องสุขภาพและอุบัติเหตุจำนวน 2,552 กรณี

นอกจากนี้ มีการให้ข้อมูลทั่วไป 34,345 กรณี และการให้ข้อมูลการติดตามปัญหาเดิม 27,801 กรณี อีกทั้ง มีการให้ความช่วยเหลืออื่น ๆ 25,069 กรณี โดยเป็นการโทรก่อกวน 20,092 กรณี โทรผิด 4,633 กรณี เสนอความคิดเห็น 160 กรณี และอื่น ๆ อีก 184 กรณี

ในส่วนของประเด็นความรุนแรง ในรอบ 1 ปี (มกราคม-ธันวาคม 2567) มีผู้ประสบปัญหาความรุนแรง จำนวน 4,712 ราย เป็นเพศหญิง 3,448 ราย เพศชาย 1,264 ราย แบ่งเป็น กลุ่มเด็ก 2,461 ราย กลุ่มผู้ใหญ่ 1,357 ราย กลุ่มผู้สูงอายุ 354 ราย กลุ่มเยาวชน 277 ราย และกลุ่มคนพิการ 263 ราย

ซึ่งพื้นที่รับแจ้งเหตุความรุนแรงมากที่สุด คือ กรุงเทพมหานคร 1,482 ราย รองลงมาคือ นนทบุรี 176 ราย ชลบุรี 174 ราย อุดรธานี 151 ราย และ ปทุมธานี 131 ราย โดยเป็น ความรุนแรงในครอบครัว 3,376 ราย และภายนอกครอบครัว 1,336 ราย

สำหรับความรุนแรงภายในครอบครัว พบว่า กลุ่มเด็ก เป็นผู้ประสบปัญหามากที่สุด 1,429 ราย โดยถูกทำร้ายร่างกาย, ถูกล่วงละเมิดทางเพศ, ถูกกระทำอนาจาร, ทารกถูกทอดทิ้ง รองลงมาคือ กลุ่มผู้ใหญ่ 1,220 ราย โดยถูกทำร้ายร่างกาย, ถูกกระทำอนาจาร, ถูกล่วงละเมิดทางเพศ

ส่วนความรุนแรงนอกครอบครัว พบว่า กลุ่มเด็กเป็นผู้ประสบปัญหามากที่สุด 1,032 ราย โดยถูกล่วงละเมิดทางเพศ,ถูกทำร้ายร่างกาย, ถูกกระทำอนาจาร รองลงมาคือกลุ่มผู้ใหญ่ 137 ราย โดยถูกทำร้ายร่างกาย,ถูกล่วงละเมิดทางเพศ,ถูกกระทำอนาจาร

นายวราวุธ กล่าวว่า จากรายงานของ ศรส. ในรอบ 1 ปี จะเห็นได้ว่า ปัญหารายได้เป็นปัญหาที่พบมากที่สุด ทั้งในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ปริมณฑล และส่วนภูมิภาค เพราะส่งผลกระทบโดยตรงกับปากท้องของพี่น้องประชาชน

ดังนั้นจึงควรป้องกันและแก้ไขปัญหาความยากจน ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญของประเทศ แต่ด้วยงบประมาณที่จำกัดของภาครัฐ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคมอย่างมุ่งเป้า และมุ่งผลลัพธ์มากขึ้น ด้วยข้อมูลสารสนเทศที่แม่นยำ มุ่งเน้นดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม และบูรณาการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน

เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนหุ้นส่วนทางสังคม อาทิ ภาคธุรกิจเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทุนทางสังคม เช่น ศาสนสถาน (วัด โบสถ์ มัสยิด) ร่วมจัดสวัสดิการสังคม เพื่อให้ประชาชนผู้ประสบปัญหาได้รับการดูแลครอบคลุมทั่วถึงเพิ่มมากขึ้น ในขณะที่ภาครัฐจะต้องให้การสนับสนุนและอำนวยความสะดวกให้กับทุกภาคส่วนด้วย

อย่างไรก็ตาม กระทรวง พม. ได้ร่วมกับกรุงเทพมหานคร ออกแบบนโยบายสวัสดิการสังคมที่เหมาะสม มุ่งเป้า มุ่งผลลัพธ์ เพื่อการแก้ไขปัญหาในพื้นที่กรุงเทพมหานครอย่างยั่งยืน เนื่องจากโครงสร้างของกระทรวง พม. ไม่มีหน่วยบริการประชาชนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นข้อจำกัดในทางปฏิบัติสำหรับการจัดสวัสดิการสังคมอย่างมีประสิทธิภาพ

นายวราวุธ กล่าวด้วยว่า จากรายงานประเด็นความรุนแรงในรอบ 1 ปี จะเห็นได้ว่า มีผู้ประสบปัญหาความรุนแรงมากถึง 4,712 ราย และเกิดขึ้นกับพี่น้องประชาชนทุกเพศ ทุกกลุ่มคน ดังนั้นขอให้ทุกคนช่วยกันเฝ้าระวัง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาความรุนแรงซ้ำขึ้นอีก ไม่ว่าจะเป็นความรุนแรงในครอบครัวหรือนอกครอบครัว ย่อมส่งผลเสียทั้งร่างกายและจิตใจ โดยเฉพาะจะเป็นบาดแผลลึกในใจตลอดไป

หากประชาชนพบเห็นผู้ประสบปัญหาความเดือดร้อนทางสังคม หรือถูกกระทำความรุนแรง สามารถแจ้งได้ที่ ศูนย์เร่งรัดจัดการสวัสดิภาพประชาชน (ศรส.) กระทรวง พม. ผ่านสายด่วน พม. โทร.1300 บริการฟรี 24 ชั่วโมง

อ่านข่าว : ตร.เร่งขอตัว "จ่าเอ็ม" มือยิง "ลิม กิมยา" กลับไทยคาดไม่เกิน 1 เดือน

"ชัชชาติ" ชี้กทม.จมฝุ่นถึง 13 ม.ค.นี้ อากาศปิด-เผาพื้นที่เกษตร

สำเร็จ ย้าย "พลายเดี่ยวขวา" คืนป่าเขาอ่างฤาไน

 


แกะกล่อง "ของขวัญ" สุดปังวันเด็กปี 2568

Thu, 9 Jan 2025 14:59:00

วันเด็กปี 2568 ตรงกับวันเสาร์ที่ 11 มกราคม หลายหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนต่างขนของขวัญและกิจกรรมสร้างสรรค์ เพื่อเปิดให้เด็กเข้าร่วมอย่างสนุกและอิ่มเอมใจ

แม้จะเป็นเพียงแค่หนึ่งวันที่สร้างให้เด็กมีรอยยิ้ม และมีความสุขกับกิจกรรมหลากหลาย แต่ของขวัญระยะยาวที่อาจโดนใจเด็ก ๆ ที่รัฐบาลเปิดแคมเปญมอบให้กับเด็กไทยปีนี้ ไทยพีบีเอสออนไลน์ รวบรวม "ของขวัญ" ที่มอบให้เด็ก ๆ

ปลดล็อกทรงผมนักเรียน

เรียกว่าถูกใจขาสั้นคาซอง เด็กนักเรียนทั่วประเทศยิ้มกว้าง เมื่อกระทรวงศึกษาธิการยอม "ปลดล็อก" ให้มีการแก้ไขปรับปรุงระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยการไว้ทรงผมของนักเรียน พ.ศ.2563 โดยถูกยกเลิกเป็นลายลักษณ์อักษรอย่างชัดเจน มีประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อ 2 ก.พ.2566

อ่านข่าว ยกเลิก100% “ทรงผมนักเรียน” ให้สิทธิเสรีผู้เรียน ไม่ระบุความยาว  

ปลดล็อกทรงผมนักเรียนของขวัญวันเด็ก

ปลดล็อกทรงผมนักเรียนของขวัญวันเด็ก

ล่าสุดกระทรวงศึกษาธิการ ออกมาย้ำอีกครั้งว่า มีหนังสือยกเลิกระเบียบว่าด้วยการไว้ทรงผมของนักเรียน พ.ศ.2563 ตั้งแต่วันที่ 16 ม.ค.2566 ดังนั้นทรงติ่งหู หรือทรงขาว 3 ด้านจะไม่ถูกเรียกว่า ทรงผมนักเรียนอีกต่อไป เพราะไม่มีการระบุความสั้น ยาวของทรงผมนักเรียนชายและนักเรียนหญิงแล้ว

ส่วนการจะกำหนดให้ผู้เรียนไว้ทรงผมรวมถึงแต่งกายแบบไหนให้เป็นไปตามวิจารณญาณของสถานศึกษา โดยให้โรงเรียนเปิดช่องทางให้โอกาสผู้เรียนพูดคุยเพื่อหาทางออกที่ดีที่สุดร่วมกันอย่างสร้างสรรค์

กทม.ไฟเขียวแต่งกายชุดไปรเวท 1 วันต่อสัปดาห์

สอดคล้องกับประกาศของกรุงเทพมหานคร ที่ไฟเขียวเรื่องแนวทางปฏิบัติในการแต่งกายของนักเรียนโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร (กทม.) ให้โรงเรียนจัดให้มีวันเลือกแต่งกายชุดใดก็ได้ไม่เป็นการบังคับ อย่างน้อย 1 วันต่อสัปดาห์ โดยให้นักเรียนมีส่วนร่วมในการกำหนด 

สำหรับเครื่องแบบนักเรียน มีการระบุว่า ให้นักเรียนแต่งกายชุดใดก็ได้ที่ไม่เป็นการบังคับ อย่างน้อย 1 วันต่อสัปดาห์ โดยให้นักเรียนเป็นผู้มีส่วนร่วมในการกำหนด หากในกรณีที่มีนักเรียนไม่สามารถปฏิบัติตามข้อดังกล่าวได้ ให้เป็นไปตามประสงค์ จะสวมชุดนักเรียน ชุดพละ หรืออื่นที่โรงเรียนกำหนดให้มีไว้อยู่แล้ว โดยคำนึงถึงอัตลักษณ์ ความเชื่อทางศาสนา และเพศวิถีของนักเรียน

ส่วนระเบียบทรงผม ให้โรงเรียนทำข้อกำหนดแนวทางกับนักเรียนไว้ทรงผมอย่างอิสระบนพื้นฐานสุขอนามัยที่ดี หากกรณีมีนักเรียนไม่สามารถปฏิบัติตามข้อกำหนดได้ให้โรงเรียนรับฟังความคิดเห็นจากนักเรียน ผู้ปกรอง เพื่อทำความเข้าใจ และตกลงร่วมกัน

แต่ห้ามลงโทษตัดผมนักเรียน ทำให้อับอาย หรือดำเนินการใด ๆ ที่ทำให้เกิดความอับอาย กระทบต่อสิทธิ-เสรีภาพทางร่างกายและจิตใจของนักเรียน
โรงเรียนหลายแห่งให้นักเรียนแต่งกายตามเพศสภาพ

โรงเรียนหลายแห่งให้นักเรียนแต่งกายตามเพศสภาพ

แต่งกายตามเพศสภาพ

หลังการประกาศใช้กฎหมายสมรสเท่าเทียม ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ 23 ม.ค.2568 หนึ่งในการเปิดกว้างด้านสิทธิเสรีภาพทางด้านเพศของเด็ก และเยาวชน  LGBTQ+ โรงเรียนหลายแห่งทั้งในต่างจังหวัด เช่น นครราชสีมา และกทม.เริ่มปลดล็อกระเบียบให้นักเรียนแต่งกายตามเพศสภาพ ผู้ชายไว้ผมยาวผูกโบว์ ผู้หญิงตัดรองทรง โชว์ศักยภาพตัวเองได้ไม่ต้องปิดกั้นแล้ว

แจกเงินอุดหนุนบุตรเพิ่มเป็นเดือนละ1,000 บาทแรกเกิดจนถึงอายุ 6 ขวบ

แจกเงินอุดหนุนบุตรเพิ่มเป็นเดือนละ1,000 บาทแรกเกิดจนถึงอายุ 6 ขวบ

เงินสงเคราะห์บุตร 1,000 บาท

สำหรับพ่อแม่มือใหม่ ในยุคค่าครองชีพแพง ทุกครอบครัวคงมีรอยยิ้มมากขึ้นเมื่อราชกิจจานุเบกษา ประกาศเพิ่มเงินสงเคราะห์บุตรจากเดิม 800 บาทเป็น 1,000 บาทต่อเดือน ตั้งแต่เด็กแรกเกิดจนถึง 6 ขวบ โดยเริ่มใช้ทันที 1 ม.ค.2568   

เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวง ด้วยการเพิ่มอัตราการจ่ายประโยชน์ทดแทนในกรณีสงเคราะห์บุตร เพื่อให้ผู้ประกันตนได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีสงเคราะห์บุตรในอัตราที่สูงขึ้น

เพื่อบรรเทาภาระของผู้ประกันตนให้สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจ และสังคมในปัจจุบัน จึงจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้ คาดว่ามีเด็กเข้าเกณฑ์ที่จะได้รับเงิน 1.2 ล้านคน แต่ยังให้เฉพาะผู้ประกันตนตามมาตรา 33 และ 39 

อ่านข่าว มีผล 1 ม.ค.68 ผู้ประกันรับ "เงินสงเคราะห์บุตร" เพิ่มเป็นเดือนละ 1,000 บาท

บุหรี่ไฟฟ้าของต้องห้ามสำหรับนักเรียน ของขวัญเพื่อสุขภาพ

บุหรี่ไฟฟ้าของต้องห้ามสำหรับนักเรียน ของขวัญเพื่อสุขภาพ

ห้ามพกบุหรี่ไฟฟ้า-บารากู่

อาจไม่ถูกใจวัยรุ่น แต่ในเชิงการป้องกัน และล้อมคอกเยาวชนไม่เข้าไปสู่การเจ็บป่วยจากการติดบุหรี่และสารเสพติด เมื่อประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพิ่งผ่านเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดการประพฤติของนักเรียนและนักศึกษา เกี่ยวกับ พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546 ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ

อ่านข่าว ครม.ไฟเขียว "บุหรี่ไฟฟ้า-บารากู่" ของต้องห้าม นร.-นศ.

เดิมกฎหมายดังกล่าว ห้ามนักเรียนเกี่ยวข้องกับยาเสพติดเช่น บุหรี่ และยาเสพติดอื่น ๆ แต่ปัจจุบันมีบุหรี่ไฟฟ้า บารากุ และวัตถุออกฤทธิ์อื่น ๆ ที่เป็นภัยคุกคามเพิ่มเข้ามา กระทรวงศึกษาธิการ จึงเสนอของต้องห้าม คือ 1.บุหรี่ไฟฟ้า 2.บารากุไฟฟ้า และวัตถุออกฤทธิ์อื่นๆ ตามกฎหมายว่าด้วยวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท

โดยมีบทลงโทษสำหรับนักเรียนที่เข้าไปเกี่ยวข้อง 4 ระดับ คือ 1.ว่ากล่าวตักเตือน 2.ทำทัณฑ์บน 3.ตัดคะแนนความประพฤติ และ4.ทำกิจกรรมเพื่อให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม

ทั้งนี้มีรายงานเชิงสถิติของ สสส. ระบุว่าเด็กไทยสูบบุหรี่ไฟฟ้าสูงขึ้น 5.3 เท่า จาก 3.3% ในปี 2558 เป็น 17.6% ในปี 2565 และจำนวนนี้ 15% เป็นเด็กประถมศึกษา เคยถูกคนในครอบครัวแนะนำให้ลอง 

กิจกรรมวันเด็กปี 2568 เด็กๆอ่านข่าวและร่วมกิจกรรม

กิจกรรมวันเด็กปี 2568 เด็กๆอ่านข่าวและร่วมกิจกรรม

ผ่าตัดหัวใจพิการซ้ำซ้อนถึง 18 ปี

ส่วนของขวัญด้านสุขภาพ ต้องบอกว่าเป็นปีแรก ๆ ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) มอบของขวัญ 2568 เพื่อผู้ป่วยเด็กด้วยการรักษาเทคโนโลยีขั้นสูง ที่สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี โดยสนับสนุนการผ่าตัดและการสวนหัวใจรักษาโรคหัวใจพิการแต่กำเนิดที่ซับซ้อนให้เด็กแรกเกิดถึงอายุ 18 ปี เป็นการแบ่งภาระผู้ปกครอง แต่ก็ขอให้เด็ก ๆ มีสุขภาพที่สมบูรณ์และแข็งแรง เพื่อเป็นอนาคตของชาติ

  

 


ฝุ่นพิษ PM 2.5 ฆาตกรเงียบ เบื้องหลังโรคหลอดลมอักเสบ

Thu, 9 Jan 2025 14:34:00

ฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน หรือที่เรียกกันว่า PM 2.5 เป็นหนึ่งในมลพิษทางอากาศที่มีอันตรายสูงต่อสุขภาพ โดยเฉพาะระบบทางเดินหายใจของมนุษย์ การสูดดม PM 2.5 ในระยะยาวสามารถกระตุ้นให้เกิด "โรคหลอดลมอักเสบ" ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตลดลงและในบางกรณีอาจถึงขั้นเสียชีวิต 

แหล่งกำเนิดของ PM 2.5 มีหลากหลาย ทั้งจากการเผาไหม้เชื้อเพลิง เช่น การขนส่งทางถนน โรงงานอุตสาหกรรม การเผาขยะ หรือแม้กระทั่งการเผาป่าในพื้นที่ชนบท ฝุ่นเหล่านี้สามารถลอยอยู่ในอากาศได้เป็นเวลานานและแพร่กระจายได้ไกลจากแหล่งกำเนิด

กลไกการเกิดหลอดลมอักเสบจาก PM 2.5

PM 2.5 มีผลกระทบโดยตรงต่อระบบทางเดินหายใจ เนื่องจากฝุ่นละอองชนิดนี้สามารถเข้าสู่หลอดลมและก่อให้เกิดการอักเสบในเนื้อเยื่อที่บุผิวหลอดลม นอกจากนี้ ฝุ่นละอองยังสามารถกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้ตอบสนองมากเกินไป ส่งผลให้เกิดการหลั่งสารเคมีที่ทำให้เกิดการอักเสบเรื้อรัง อาการที่พบบ่อย ได้แก่

กลุ่มเสี่ยงต่อการเกิดหลอดลมอักเสบจาก PM 2.5

ในผู้ป่วยที่สัมผัส PM 2.5 ในปริมาณสูงและต่อเนื่อง หลอดลมอักเสบเรื้อรังอาจพัฒนาเป็นโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) ซึ่งเป็นภาวะที่หลอดลมตีบและมีการทำงานของปอดลดลงอย่างถาวร นอกจากนี้ การอักเสบในหลอดลมยังทำให้มีการหลั่งเสมหะเพิ่มขึ้น ส่งผลให้เกิดอาการไอ หายใจลำบาก และแน่นหน้าอก

ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขในปี 2566 พบว่าในพื้นที่ที่มีค่าฝุ่น PM 2.5 สูง เช่น กรุงเทพมหานคร หรือ เชียงใหม่ อัตราผู้ป่วยหลอดลมอักเสบเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 25 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยในกลุ่มผู้สูงอายุและเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปีเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด นอกจากนี้ โรงพยาบาลรัฐหลายแห่งรายงานว่ามีผู้ป่วยหลอดลมอักเสบเข้ารับการรักษาในห้องฉุกเฉินเพิ่มขึ้นกว่า 15,000 รายในช่วงเดือน ม.ค.-มี.ค. ซึ่งเป็นช่วงที่ค่าฝุ่น PM 2.5 สูงสุด

นอกจากนี้ PM 2.5 ไม่ได้ส่งผลกระทบเพียงแค่หลอดลมอักเสบ แต่ยังเกี่ยวข้องกับโรคระบบทางเดินหายใจอื่น ๆ เช่น โรคหอบหืด โรคปอดบวม และโรคหัวใจขาดเลือด โดยเฉพาะในผู้ที่มีโรคประจำตัว การสัมผัส PM 2.5 เป็นระยะเวลานานสามารถลดอายุขัยเฉลี่ยและเพิ่มความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตจากโรคเรื้อรัง

ป้องกันหลอดลมอักเสบจาก PM 2.5 ได้ทางไหนบ้าง

ที่มา : กรมควบคุมมลพิษ, องค์การอนามัยโลก, กระทรวงสาธารณสุข

อ่านข่าวอื่น :

"ชัชชาติ" ชี้กทม.จมฝุ่นถึง 13 ม.ค.นี้ อากาศปิด-เผาพื้นที่เกษตร

เตือน 6-10 ม.ค.นี้ ลมหนาวมา "ฝุ่นจิ๋ว" พุ่งแจ้ง 15 จังหวัดงดเผา

กทม.จมฝุ่น PM 2.5 เช้านี้เกินมาตรฐานทุกพื้นที่ ระดับสีแดง 3 เขต 


ทนายอนันต์ชัย แจ้งความ "คนตื่นธรรม" ปมหมิ่นมหาเถรสมาคม

Thu, 9 Jan 2025 11:23:00

วันนี้ (9 ม.ค.2568) นายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความ พร้อมผู้เกี่ยวข้องเดินทางเข้าแจ้งกับนายสัญชัย วันพิรัตน์ หรือ "คนตื่นธรรม" อินฟลูเอนเซอร์

นายอนันต์ชัย เปิดเผยว่า วันนี้ตนเองเดินทางมาพร้อมผู้เกี่ยวข้องแจ้งความดำเนินคดี "คนตื่นธรรม" ในกรณีที่มีพฤติกรรม หมิ่นคณะสงฆ์ หมิ่นมหาเถรสมาคม จากการไลฟ์เฟซบุ๊ก ดูหมิ่นพระเกียรติคณะสงฆ์ระดับสูง อ้างว่ามหาเถรสมาคมมีพฤติกรรมไม่กระทำตามพระวินัย และใช้อำนาจ

ตนเองจึงเดินทางมาแจ้งความในข้อหาหมิ่นมหาเถรสมาคม ซึ่งมีพระสงฆ์ระดับสูงรวม 21 รูป และข้อหาที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง รวมถึงความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์กรณีนำเข้าข้อมูล อันเป็นเท็จ

ขณะเดียวกัน ทนายอนันต์ชัย ยืนยันว่า การเดินทางเข้าแจ้งความในวันนี้ ไม่ใช่มาจากปัญหาส่วนตัว แต่มาจากการที่ทนเห็นพฤติกรรมของคนตื่นธรรมที่มีลักษณะดูหมิ่นพระสงฆ์ระดับสูงไม่ได้

 

อ่านข่าว : "ทนายอนันต์ชัย" แจ้ง 6 ข้อหาเด็ก 8 ขวบเชื่อมจิต-ทนาย-ทีมแอดมิน 

"ทนายอนันต์ชัย" แจ้งความ "เสี่ยบอย" ปมบุกรุกที่ดินเกาะล้าน

ปิดตำนาน 21 ปี คดี "โฉนดถุงกล้วยแขก" วัดสวนแก้วแบ่งจ่ายค่าเสียหาย 4 งวด รวม 1.9 ล้าน

 

 

 

 


สิทธิ-หน้าที่ "คู่สมรส" 23 ม.ค. กฎหมายสมรสเท่าเทียมบังคับใช้

Thu, 9 Jan 2025 08:08:00

วันที่ 23 ม.ค.2568 ถือเป็นอีกหนึ่งวันประวัติศาสตร์ของประเทศไทย เมื่อ พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ 24) พ.ศ.2567 หรือที่รู้จักกันในชื่อ "กฎหมายสมรสเท่าเทียม" จะมีผลบังคับใช้เป็นทางการ ทำให้ "คู่รักทุกเพศ" สามารถจดทะเบียนสมรสกันได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายเป็นครั้งแรก

การเปลี่ยนแปลงที่มาพร้อมกับความเท่าเทียม

ขณะที่ข้อห้ามในการสมรส เช่น การสมรสกับบุคคลที่ยังมีคู่สมรสอยู่, การสมรสกับญาติสนิท และ การสมรสกับบุคคลวิกลจริต รวมถึงหลักการแบ่งสินสมรส โดยแบ่งทรัพย์สินออกเป็นสินส่วนตัวและสินสมรส "ยังคงหลักการเดิม "

สิทธิต่าง ๆ ที่มีผลบังคับใช้ทันทีที่มีการจดทะเบียนสมรสตามที่กฎหมายกำหนด สามารถสรุปสิทธิและหน้าที่สำคัญที่ "คู่สมรส" จะได้รับ ดังนี้

1.การหมั้น

การหมั้นจะทำได้ต่อเมื่อบุคคลทั้ง 2 ฝ่ายมีอายุ 18 ปีบริบูรณ์แล้ว โดยการหมั้นถือเป็นการแสดงเจตจำนงต่อการสมรสในอนาคต และการหมั้นจะสมบูรณ์เมื่อฝ่ายผู้หมั้นได้ส่งมอบหรือโอนทรัพย์สินอันเป็นของหมั้นให้แก่ผู้รับหมั้น เพื่อเป็นหลักฐานว่าจะสมรสกับผู้รับหมั้นนั้น และเมื่อหมั้นแล้วให้ของหมั้นตกเป็นสิทธิแก่ผู้รับหมั้น 

2.การสมรส

การสมรสจะกระทำได้เมื่อทั้ง 2 ฝ่ายมีอายุครบ 18 ปีบริบูรณ์แล้ว อย่างไรก็ตาม หากมีเหตุอันสมควร ศาลสามารถอนุญาตให้ทำการสมรสก่อนอายุที่กำหนดได้   

3.การจดทะเบียนสมรส

การสมรสจะสมบูรณ์ตามกฎหมายเมื่อคู่สมรสทั้ง 2 ฝ่ายแสดงความยินยอมต่อหน้านายทะเบียน และให้นายทะเบียนบันทึกความยินยอมนั้นไว้อย่างเป็นทางการ

แต่เมื่อมีพฤติการณ์พิเศษซึ่งไม่อาจทำการจดทะเบียนสมรสต่อนายทะเบียนได้ ให้บุคคลทั้ง 2 แสดงเจตนาต่อหน้าบุคคลที่บรรลุนิติภาวะ เพื่อบันทึกเจตนาของทั้ง 2 ฝ่ายไว้เป็นหลักฐาน ต่อมาภายใน 90 วัน นับจากวันที่สถานการณ์ฉุกเฉินคลี่คลายลง ทั้ง 2 ฝ่าย ต้องไปจดทะเบียนสมรสอย่างเป็นทางการที่สำนักงานทะเบียน โดยนำหลักฐานการแสดงเจตนาเดิมไปยื่นด้วย และวันที่แสดงเจตนาต่อหน้าพยานจะถือเป็นวันจดทะเบียนสมรส 

และคู่สมรสยังมีสิทธิใช้นามสกุลของคู่สมรสอีกฝ่ายเป็นชื่อกลางได้เมื่อได้รับความยินยอม 

4.การจดทะเบียนสมรสกับชาวต่างชาติตามกฎหมายไทย

บุคคลที่ประสงค์จะจดทะเบียนสมรสกับชาวต่างชาติสามารถจดทะเบียนสมรสตามกฎหมายไทยได้ สามารถทำได้ภายในประเทศไทย คือ จดทะเบียนสมรสที่ ที่ว่าการอำเภอหรือสำนักงานเขตในกรุงเทพมหานคร หรือทำในต่างประเทศ ณ สถานทูตไทยหรือสถานกงสุลใหญ่ไทยในต่างประเทศ

5.การหย่า

เมื่อคู่สมรสตัดสินใจแยกทาง การหย่าจะสมบูรณ์ต่อเมื่อมีการจดทะเบียนหย่าตามกฎหมาย ทั้งนี้ หากเป็นการหย่าโดยความยินยอมของทั้ง 2 ฝ่าย ให้ทำความตกลงเป็นหนังสือว่าฝ่ายใดจะเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรคนใด ถ้ามิได้ตกลงกันหรือตกลงกันไม่ได้ ให้ศาลเป็นผู้ชี้ขาด รวมถึงการทำสัญญาเรื่องการออกเงินค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรเป็นจำนวนเงินเท่าใดด้วย เมื่อบุคคลทั้ง 2 หย่ากันให้แบ่งสินสมรสแต่ละฝ่ายได้ส่วนเท่ากัน 

6.การจัดการทรัพย์สิน-หนี้สินร่วมกัน

คู่สมรสมีสิทธิและหน้าที่ในการจัดการทรัพย์สินที่ได้มาร่วมกันระหว่างสมรส รวมถึงการดูแลผลประโยชน์จากทรัพย์สินเหล่านั้น และการร่วมกันบริหารหนี้สิน ทรัพย์สินระหว่างคู่สมรส นอกจากที่ได้แยกไว้เป็นสินส่วนตัวย่อมเป็นสินสมรส และถ้าคู่สมรสเป็นลูกหนี้ร่วมกัน ให้ชำระหนี้นั้นจากสินสมรสและสินส่วนตัวทั้ง 2 ฝ่าย แต่ถ้าคู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องรับผิดชอบเป็นส่วนตัวเพื่อชำระหนี้ที่ก่อไว้ก่อนหรือระหว่างสมรส ให้ชำระหนี้นั้นด้วยสินส่วนตัวของฝ่ายนั้นก่อน เมื่อไม่พอจึงให้ชำระด้วยสินสมรสที่เป็นส่วนของฝ่ายนั้น 

คู่สมรสยังมีสิทธิในการรับมรดกจากกันและกัน หากคู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเสียชีวิต คู่สมรสที่ยังมีชีวิตอยู่จะมีสิทธิได้รับมรดกตามกฎหมาย โดยไม่จำเป็นต้องมีพินัยกรรมยกให้ แต่หากผู้ตายได้ทำพินัยกรรมไว้แล้ว สิทธิในการรับมรดกจะขึ้นอยู่กับว่าพินัยกรรมได้ระบุถึงการแบ่งมรดกให้แก่คู่สมรสหรือไม่ 

7.สิทธิประโยชน์และสวัสดิการจากรัฐ

คู่สมรสมีสิทธิได้รับสวัสดิการและสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ที่รัฐจัดสรรให้ เช่น การลดหย่อนภาษี สิทธิในประกันสังคม บำเหน็จ-บำนาญชราภาพ และสิทธิประโยชน์อื่น ๆ ในฐานะคู่สมรส

8.การให้ความยินยอมทางการแพทย์

ในกรณีที่คู่สมรสฝ่ายหนึ่งต้องเข้ารับการรักษาพยาบาล คู่สมรสอีกฝ่ายมีสิทธิในการให้ความยินยอมแทนได้ ซึ่งเป็นไปตามหลักการให้ความยินยอมในการรักษาพยาบาล กรณีที่ผู้ป่วยไม่อยู่ในสภาวะที่จะรับทราบข้อมูลสุขภาพเพื่อตัดสินใจรักษาพยาบาล จะต้องแจ้งให้ทายาทโดยธรรม ซึ่งคู่สมรสก็เป็นทายาทโดยธรรมตามกฎหมายด้วย

หากศาลสั่งให้คู่สมรสฝ่ายหนึ่งเป็นผู้ไร้ความสามารถหรือเสมือนไร้ความสามารถ คู่สมรสอีกฝ่ายมีสิทธิและหน้าที่เป็นผู้อนุบาลหรือผู้พิทักษ์ 

9.การอุปการะเลี้ยงดู

คู่สมรสมีสิทธิเรียกร้องค่าอุปการะเลี้ยงดูจากกันในกรณีที่ไม่ได้รับการดูแลตามสมควร เช่นเดียวกับสิทธิในการเรียกร้องค่าเลี้ยงดูระหว่างบิดามารดากับบุตร

10.การรับบุตรบุญธรรม

คู่สมรสมีสิทธิรับบุตรบุญธรรมร่วมกันได้ โดยมีเงื่อนไขหลักคือ ต้องได้รับความยินยอมจากคู่สมรสอีกฝ่ายหนึ่ง และต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์อื่น ๆ ที่กฎหมายกำหนด

กฎหมายสมรสเท่าเทียมถือเป็นการเปิดประตูสู่ความเท่าเทียมในชีวิตคู่ ช่วยให้คู่สมรสทุกเพศมีสิทธิเข้าถึงการคุ้มครองและสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ อย่างเสมอภาคกัน การออกกฎหมายนี้ไม่เพียงสะท้อนถึงความก้าวหน้าทางกฎหมาย แต่ยังเป็นการส่งเสริมความเท่าเทียมในสังคมอย่างยั่งยืน

อ่านข่าวเพิ่ม :

ด่วน! "บอสแซม-บอสมิน" รอดอัยการสั่งไม่ฟ้องคดีดิไอคอน

วันเด็ก 2568 ปักหมุดสถานที่จัดงาน กับกิจกรรม-ของขวัญมากมาย


กทม.จมฝุ่น PM 2.5 เช้านี้เกินมาตรฐานทุกพื้นที่ ระดับสีแดง 3 เขต

Thu, 9 Jan 2025 08:06:00

วันนี้ (9 ม.ค.2568) เวลา 07.00 น. ศูนย์ข้อมูลคุณภาพอากาศกรุงเทพมหานคร รายงานสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) ในกรุงเทพมหานคร ค่าเฉลี่ย ตรวจวัดได้ 64.2 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.) พบว่าเกินมาตรฐานอยู่ในระดับสีส้ม เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ (มาตรฐานไม่เกิน 37.5 มคก./ลบ.ม.) จำนวน 47 เขต และระดับสีแดง มีผลกระทบต่อสุขภาพ 3 เขต

5 อันดับ ของค่าฝุ่น PM 2.5 เขตสูงสุดในกรุงเทพมหานคร

1 เขตหนองแขม 94.2 มคก./ลบ.ม.
2 เขตบางบอน 76.8 มคก./ลบ.ม.
3 เขตธนบุรี 75.5 มคก./ลบ.ม.
4 เขตบางขุนเทียน 74.9 มคก./ลบ.ม.
5 เขตบางนา 74.5 มคก./ลบ.ม.

สำหรับพื้นที่ปริมณฑล พื้นที่ที่อยู่ในระดับสีแดง ได้แก่ 

สถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ทั่วประเทศ 

ภาคเหนือ

ส่วนใหญ่อยู่ในระดับเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ วัดได้ 15.8-80.8 มคก./ลบ.ม. โดย ต.ในเมือง อ.เมือง จ.พิษณุโลก อยู่ในระดับมีผลกระทบต่อสุขภาพ วัดได้ 80.8 มคก./ลบ.ม.

ภาคกลางและตะวันตก 

ส่วนใหญ่อยู่ในระดับเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ วัดได้ 39.5-92.2 มคก./ลบ.ม. โดยอยู่ในระดับมีผลกระทบต่อสุขภาพ 3 พื้นที่ ได้แก่

ต.หน้าเมือง อ.เมือง จ.ราชบุรี 75.2 มคก./ลบ.ม.
ต.หน้าพระลาน อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.สระบุรี วัดได้ 83.5 มคก./ลบ.ม.
ต.คลองกระแชง อ.เมือง จ.เพชรบุรี วัดได้ 92.2 มคก./ลบ.ม.

ภาคตะวันออก

ส่วนใหญ่อยู่ในระดับเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ วัดได้ 20.1-76.4 มคก./ลบ.ม. โดย ต.ปลวกแดง อ.ปลวกแดง จ.ระยอง วัดได้ 76.4 มคก./ลบ.ม. อยู่ในระดับมีผลกระทบต่อสุขภาพ วัดได้ 76.4 มคก./ลบ.ม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 

อยู่ในระดับเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ 8 พื้นที่ วัดได้ 28.5-56.9 มคก./ลบ.ม.

ภาคใต้ 

อยู่ในระดับเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ 1 พื้นที่ วัดได้ 16.9-43.2 มคก./ลบ.ม.

ขณะที่ IQ Air รายงานสภาพอากาศแบบเรียลไทม์ ระบุว่า ระดับค่ามลภาวะทางอากาศของกรุงเทพมหานครพุ่งขึ้นเป็นอันดับ 8 ของโลก

อ่านข่าว :

สภาพอากาศวันนี้ ทั่วไทยช่วงเช้ามีหมอกลง ใต้ฝนเล็กน้อย

ฝุ่น PM2.5 ระดับสีแดง คำเตือนงดออกกำลังกาย


ชาวประมงร้องรัฐปลดล็อก "อวนรุน" จับปลาหมอคางดำ

Thu, 9 Jan 2025 07:20:20

เมื่อวันที่ 7 ม.ค.2568 ชาวประมงพื้นบ้าน จ.สมุทรสาคร ต้องปรับวิธีจับปลาหมอคางดำในแหล่งน้ำธรรมชาติ โดยการทอดแหแทนการใช้อวนรุน หลังครบกำหนดที่กรมประมงผ่อนผันให้ใช้ "อวนรุน" กำจัดปลาหมอคางดำ ตั้งแต่สิ้นเดือนธันวาคม 2567 จึงกลัวว่าหากนำอวนรุนมาใช้อาจเสี่ยงถูกจับกุมได้

แต่การจับปลาหมอคางดำด้วยวิธีทอดแห แต่ละครั้งจะได้ปลาปริมาณน้อยกว่าอวนรุน ประมงพื้นบ้านบอกว่า ปลาหมอคางดำที่จับได้จะนำไปกิน ไม่ได้นำไปขาย เพราะราคารับซื้อต่ำเพียงกิโลกรัมละ 3-4 บาท หากเทียบกับช่วงแรกที่รัฐบาลรับซื้อกิโลกรัมละ 15 บาท จึงไม่มีแรงจูงใจในการจับปลาหมอคางดำไปขาย

ซึ่งก่อนหน้านี้ เขายอมลงทุนกว่า 10,000 บาท ดัดแปลงเรืออวนรุนเพื่อช่วยกำจัดปลาหมอคางดำ แต่พอราคาต่ำลงก็หยุดไป เพราะไม่คุ้มทุน เช่นเดียวกับ ตัวแทนประมงพื้นบ้านอีกหลายคน เรียกร้องรัฐบาลผ่อนปรนการใช้ "อวนรุน" จับปลาหมอคางดำเพื่อสร้างอาชีพและรายได้ เพราะหากขาดความต่อเนื่อง เชื่อว่าการขยายพันธุ์ของปลาหมอคางดำจะสร้างผลกระทบรุนแรง

ขณะที่ นายเฉลิมพล เกิดปั้น ผู้ประกอบการแพรับซื้อปลาหมอคางดำ ระบุว่า ตั้งแต่รัฐบาลประกาศยุติรับซื้อปลาหมอคางดำ บรรยากาศการรับซื้อเงียบเหงา แต่ละวันมีชาวประมงนำปลาหมอคางดำมาขายให้น้อยมาก โดยจะรับซื้อราคากิโลกรัมละ 4 บาท สิ่งที่คาดหวังจากนี้ คือ ต้องการให้ผู้ที่เกี่ยวข้องมีส่วนร่วมรับผิดชอบ

ไม่ต่างจากที่ จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นอีกพื้นที่ที่พบการขยายพันธุ์ของปลาหมอคางดำ ทีมข่าวไทยพีบีเอส สำรวจจุดรับซื้อในพื้นที่ อ.ปากพนัง พบว่าปิดการรับซื้อชั่วคราวเพราะลูกค้ารายใหญ่หยุดทำประมง ส่วนลูกค้ารายย่อย เช่น นากุ้ง ปริมาณสั่งซื้อน้อย จึงไม่มีคนจับปลาหมอคางดำมาขาย ทำให้การขยายพันธุ์เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

สำหรับงบประมาณที่ใช้กำจัดปลาหมอคางดำในปีที่ผ่านมา พบว่า การยางแห่งประเทศไทย ใช้งบประมาณ 50 ล้านบาท รับซื้อไปผลิตเป็นน้ำหนักชีวภาพ โดยตั้งจุดรับซื้อทั้งหมด 75 จุด ในกิโลกรัมละ 15 บาท ตั้งแต่วันที่ 1-31 ส.ค.2567 รับซื้อปลาหมอคางดำทั้งในบ่อเลี้ยงและธรรมชาติได้รวมกันกว่า 580,000 กิโลกรัม ขณะที่ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด หรือ ซีพีเอฟ รับซื้อ 2,000,000 กิโลกรัม เพื่อนำไปทำเป็นปลาป่น ส่วนกรมประมง ใช้งบประมาณซื้อปลานักล่า 226,000 ตัว ปล่อยลงสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ ใน 7 จังหวัด

ขณะที่ แผนปฏิบัติการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำ พ.ศ. 2567-2570 คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เสนอและมีมติเห็นชอบในหลักการของแผนปฏิบัติการปลาหมอคางดำ โดยกำหนดแผนการจัดการทั้งหมด 7 มาตรการ 14 กิจกรรม ซึ่งเป็นงบประมาณจากกรมประมง จำนวน 450 ล้านบาท มีกรอบระยะเวลาดำเนินการ ตั้งแต่เดือน ก.ค.2567 - ก.ย.2570

อ่านข่าวอื่น :

รู้จักภาวะ "กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบจากไวรัส" ในเด็ก สาเหตุ-วิธีป้องกัน

วันเด็ก 2568 ปักหมุดสถานที่จัดงาน กับกิจกรรม-ของขวัญมากมาย


รู้จักภาวะ "กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบจากไวรัส" ในเด็ก สาเหตุ-วิธีป้องกัน

Thu, 9 Jan 2025 07:01:00

กรณีที่มีผู้ปกครองโพสต์เรื่องราวของลูกสาวว่า ป่วยมีอาการไข้ต่ำๆ ต่อมามีอาการชักเกร็ง แม่พาไปหาหมอปั๊มหัวใจ ใส่ท่อเครื่องช่วยหายใจ ต่อมาเสียชีวิต แพทย์ระบุว่า ลูกสาวติดเชื้อไวรัสในอากาศ แล้วลงไปที่หัวใจ จึงทำให้กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบเฉียบพลันและเสียชีวิต

วันนี้ (9 ม.ค.2568) ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์จุฬา อธิบายถึงภาวะและสาเหตุที่ทำให้เกิด กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ โดยเกิดจากไวรัสหลายกลุ่ม แต่โอกาสเกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบนั้นมีน้อย ไม่ได้เกิดกับทุกคน เตือนประชาชนไม่ควรตื่นตระหนก

รู้จักกับภาวะ "กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ"

ศ.นพ.ยง ระบุว่า กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบเป็นการอักเสบของกล้ามเนื้อหัวใจหรือเยื่อหุ้มหัวใจ กรณีการอักเสบที่เยื่อหุ้มหัวใจ จะมีน้ำในเยื่อหุ้มหัวใจ แต่กรณีการอักเสบที่กล้ามเนื้อหัวใจจะทำให้แรงบีบของหัวใจสูญเสียไป หัวใจบีบเลือดออกไม่ได้ ทำให้เกิดภาวะหัวใจวาย ดังนั้นร่างกายที่ปั๊มเลือดออกไม่ได้ เป็นเหตุให้อาจจะทำให้เสียชีวิตได้

สาเหตุที่ทำให้เกิด "กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ"

ศ.นพ.ยง ระบุว่า ส่วนใหญ่มักพบในเด็ก โดยเกิดจากไวรัสหลายกลุ่ม เช่น ไวรัสที่อยู่ในกลุ่มทางเดินอาหาร ไวรัสที่ทำให้เกิดมือเท้าปาก ไวรัสที่ทำให้เกิดแผลในปาก ไวรัสไข้หวัดใหญ่ ไข้เลือดออก แต่มีบางคนเท่านั้นที่เชื้อไวรัสจะทำให้เกิดกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ โดยจะเกิดขึ้นเป็นเฉพาะรายบุคคลเท่านั้น โอกาสเกิดมีแต่ค่อนข้างน้อย แต่หากเกิดกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ ความรุนแรงจะค่อนข้างเยอะ เพราะหัวใจไม่สามารถบีบเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกายได้ หัวใจก็จะขยายโป่งพ่องออก แรงบีบไม่มี

กรณีที่เกิดนั้นอาจจะเป็นหนึ่งในพัน หรือ หนึ่งในหมื่น หรือ หนึ่งในแสน ที่อาจจะทำให้เกิดกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ จริงๆ แล้วไม่ต้องตื่นตกใจเลยว่า ไวรัสตัวนี้ระบาดแล้วจะติด ไม่ใช่

การวินิจฉัยว่าเป็นกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ

แพทย์จะเป็นผู้วินิจฉัยตั้งแต่ทำดูว่าหัวใจโต การเอกซเรย์ การฟังเสียงหัวใจ การตรวจคลื่นหัวใจก็จะทราบว่าคลื่นไฟฟ้าต่ำหรือไม่ ซึ่งการวินิจฉัยที่แน่นอนคือการทำ เอ็มอาร์ไอ หรือ การนำเยื่อบุหัวใจชั้นใน หรือ นำกล้ามเนื้อหัวใจไปตรวจทางพยาธิวิทยาว่ามีการอักเสบหรือไม่ แต่โดยทั่วไปลักษณะอาการก็จะทราบว่าเป็นกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ ส่วนกรณีการระบุว่าเป็นไวรัสหรือแบคทีเรีย หรือ สาเหตุอะไร จะต้องใช้วิธีการตรวจหาเชื้อตัวนั้น

ไม่ต้องไปตื่นตกใจ ว่ากล้ามเนื้อหัวใจอักเสบยอมรับว่าเป็นโรครุนแรง ร้ายแรงสำหรับคนที่เป็น แต่ถ้าจะให้ดีก็ต้องตรวจวินิจฉัยให้ได้ว่าเกิดจากเชื้ออะไร

แนวทางการรักษาอาการ กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ

ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรค หากรายที่ไม่รุนแรงจะรักษาแบบประคับประคอง ให้การอักเสบลดลง จะหายได้ แต่ในรายที่รุนแรงจนหัวใจวาย คือไปกระทบกระเทือนกระแสไฟฟ้าหัวใจ ทำให้การเต้นของหัวใจผิดปกติ กลุ่มนี้จะรุนแรง การรักษาจะรักษาตามอาการ ให้ยาประคับประคอง พยุงอาการไว้ และจะกระตุ้นหัวใจ รอเวลาให้การอักเสบทุเลาลง ส่วนโอกาสการเสียชีวิตนั้น ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรค

แนวทางการป้องกัน

การป้องกันก็เหมือนกับการป้องกันไวรัสเช่นเดียวกับไวรัสทางเดินหายใจ และไวรัสทางเดินอาหาร หลักเดียวกัน คือ การดูแลเรื่องสุขอนามัย คือ กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ กรณีที่ไม่สบายควรสวมหน้ากากอนามัย ส่วนเด็กเล็กควรหยุดเรียน

ไวรัสตัวหนึ่งอยู่กับอีกคนอาจจะมีอาการน้อยมาก หรือ ไปติดอีกคนมีอาการรุนแรง ไม่มีใครบอกได้ เช่น ไข้เลือดออก หรือไข้สมองอักเสบ ติดเชื้อ 300 คน มีอาการแค่คนเดียว

เด็กเล็กต้องระวัง

ศ.นพ.ยง ระบุว่า ไวรัสที่ทำให้เกิดกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ โดยเฉพาะที่ติดจากการกิน จะอันตรายในเด็กเล็ก หากอายุมากขึ้นความรุนแรงหรือความอันตรายจะลดลง เพราะมีภูมิคุ้มกันและความแข็งแรงของร่างกายที่อาจเป็นส่วนหนึ่งในช่วยปกป้อง

เขาต้องได้รับเชื้อไวรัสตัวนั้นเข้าไป และไวรัสที่รับเข้าไปก็จะทำให้เกิดมีไข้และมีอาการต่างๆ เกิดขึ้น ซึ่งขึ้นอยู่กับไวรัสตัวนั้นจะเข้าไปในอวัยวะอะไร ก็จะไปทำอันตรายต่อร่างกาย ถ้าอวัยวะนั้นเป็นอวัยวะที่สำคัญต่อร่างกาย

กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ จากไวรัส ส่วนใหญ่มักจะเกิดในเด็ก โดยเฉพาะเด็กเล็กมากกว่าเด็กโตหรือผู้ใหญ่

ไวรัสที่ทำให้เกิดโรคต่างๆ แล้ว อาการแทรกซ้อนที่สำคัญ คือเกิดการอักเสบของกล้ามเนื้อหัวใจ และหรือสมองไวรัสที่เป็นสาเหตุของการเกิดกล้ามเนื้อหัวใจ ที่เป็นอาการแทรกซ้อน พบได้เช่น enterovirus ตัวที่พบบ่อยได้แก่ enterovirus-A71 Coxsackie B, Echo virus ไวรัสในกลุ่มอินเทอร์ไวรัสมีเป็นจำนวนมากนับเป็นร้อยชนิด จะจัดรวมไวรัสที่ทำให้เกิดโรคมือเท้าปาก และอาจมีอาการแทรกซ้อนทางสมอง และหัวใจได้ แต่โอกาสที่จะเกิดน้อย ส่วนใหญ่จะเป็นในเด็กเล็ก มากกว่าเด็กโต นอกจากนี้ยังมีไวรัสที่ทำให้เกิดโรคที่เรารู้จักกันดีทั่วไป ก็อาจจะเกิดการอักเสบของกล้ามเนื้อหัวใจหรือสมองได้ เช่น ไข้หวัดใหญ่ ไข้เลือดออก โรคหัด สุกใส etc. ก็มีโอกาสเกิดได้แต่โอกาสนั้นอาจจะเป็นหนึ่งในหมื่น ในแสนของผู้ป่วย

ในกลุ่มของ enterovirus ที่มีจำนวนมาก และมีหลายตัวทำให้เกิดโรคมือเท้าปาก จะเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ สมองอักเสบได้ เช่น enterovirus A71, Coxsackie B Echovirus การติดเชื้อ มีเพียงส่วนน้อยมากที่จะมีอาการแทรกซ้อนดังกล่าว ส่วน EV-A71 การเกิดสมองอักเสบหรือกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ ถ้าเด็กเล็กต่ำกว่า 1 ปี ถ้าติดเชื้อจะมีโอกาสเกิดหนึ่งในร้อย แต่ถ้าเด็กต่ำกว่า 3 ปีจะมีโอกาสเกิด 1 ใน 300 และโอกาสจะเกิดน้อยลงไปเรื่อยๆตามอายุที่มากขึ้น ส่วนไวรัสอื่นๆโอกาสเกิด จะเป็นหนึ่งในหมื่นหนึ่งในแสนทีเดียวของผู้ติดเชื้อ

อาการเหมือนกับการติดเชื้อไวรัสทั่วไป

อาการที่สำคัญจะมีอาการเบื้องต้นเหมือนกับการติดเชื้อไวรัสทั่วไป เช่นเป็นไข้ เพลีย ไม่กินอาหาร และต่อมาจะอ่อนแรง หายใจเร็ว เหนื่อยหอบ เพราะเริ่มมีอาการของหัวใจวาย

โรคนี้มีความรุนแรง แต่ก็พบได้ตั้งแต่มีอาการน้อย อาการมาก จนถึงเสียชีวิตได้ในระยะเวลารวดเร็ว แต่ในภาพรวมทั้งหมดแล้ว ไม่ได้พบบ่อย

การติดเชื้อตัวเดียวกัน ไม่จำเป็นว่าทุกคนจะต้องมีอาการ การเกิดอาการขึ้นอยู่กับบุคคลซึ่งมีปัจจัยต่างๆ มาเกี่ยวข้อง และมีปัจจัยที่เรายังไม่รู้อีก

โรคนี้พบได้ทั่วโลก ไม่ได้มีการระบาด พ่อแม่ผู้ปกครองทั่วไปก็ไม่ต้องวิตกกังวลเกินเหตุ ดูแลในมาตรการเรื่องสุขอนามัย ความสะอาด ให้วัคซีนป้องกันโรคตามกำหนดในเด็ก ก็น่าจะเพียงพออยู่แล้ว 

อ่านข่าว : 

ภัยเงียบออฟฟิศ "Boreout" ความเบื่อหน่ายคุกคามสุขภาพจิตคน

ยันโอมิครอน JN.1 คงอยู่ระบาดในไทย-ไม่พบสายพันธุ์ใหม่

พบผู้ป่วย "ไข้หวัดนก" เสียชีวิตคนแรกในสหรัฐฯ - ไทยเฝ้าระวังเข้ม


วันเด็ก 2568 ปักหมุดสถานที่จัดงาน กับกิจกรรม-ของขวัญมากมาย

Wed, 8 Jan 2025 14:43:00

เสาร์ที่ 2 ของเดือน มกราคม 2568 เป็น "วันเด็กแห่งชาติ" ปีนี้ตรงกับ วันเสาร์ที่ 11 มกราคม เสียงหัวเราะและรอยยิ้มอันสดใสของเด็ก ๆ จากกิจกรรมต่าง ๆ กลับมาสร้างชีวิตชีวาให้งานวันเด็กปีนี้ อีกครั้ง หลายพื้นที่จัดกิจกรรมให้เด็กและเยาวชนได้สนุก เอาใจเด็ก ๆ แบบเต็มสตรีม  

ปีนี้ นายกรัฐมนตรีหญิงของไทย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ได้มอบคำขวัญวันเด็ก 2568 ให้กับเด็กและเยาวชนว่า  

ทุกโอกาส คือ การเรียนรู้ พร้อมปรับตัวสู่อนาคตที่เลือกเอง 

ด้าน ผู้ว่าฯ กทม. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ก็ได้มอบคำขวัญวันเด็กที่จึ้งไม่แพ้ปีก่อน โดยคำขวัญในปีนี้ที่ระบุว่า "ชีวิตเปลี่ยนได้ ด้วยนิสัยดี ๆ เริ่มเลยทันที ไม่ต้องให้ถาม กี่โมง" 

"คำขวัญวันเด็ก" ในแต่ละปีมักจะสอดแทรกข้อคิดเตือนใจให้เด็กและเยาวชนเสมอ นั้นเพื่อกระตุ้นให้ทุกคนได้ตระหนักถึงความสำคัญของการศึกษา การทำความดี และการสร้างอนาคตที่ดี อีกทั้ง น้อง ๆ ยังสามารถนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้ด้วย  

อ่านข่าว : ฝุ่น PM2.5 ระดับสีแดง คำเตือนงดออกกำลังกาย

วันเด็กแห่งชาติ

วันเด็กแห่งชาติ

ปักหมุดสถานที่ - กิจกรรมงาน "วันเด็ก 2568"  

วันเด็ก 2568 ปีนี้ หลายหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน ต่างจัดกิจกรรมเพื่อให้เด็กและเยาวชนเข้ามามีส่วนร่วม กันในหลายพื้นที่ ให้น้อง ๆ ได้สนุกสนาน เรียนรู้ และแสดงออกถึงความสามารถในบรรยากาศที่เต็มไปด้วย ความสนุกสนาน อาทิ เปิดเวทีให้น้อง ๆ ได้ร้อง เล่น เต้นโชว์ สนุกกับซุ้มเกมส์ ต่าง ๆ มีที่ไหนบ้าง ไว้เป็นไอเดียให้กับผู้ปกครอง และน้อง ๆ ไว้ไปร่วมกิจกรรม วันเด็กแห่งชาติ ด้วยกัน 

1. ทำเนียบรัฐบาล 

ปีนี้ ทำเนียบรัฐบาล จัดงานวันเด็ก ตั้งแต่เวลา 08.00 - 15.00 น. เปิด โอกาสให้น้อง ๆ ได้นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี และเข้าเยี่ยมชมตึกไทยคู่ฟ้า ห้องทำงานนายกรัฐมนตรี รวมทั้ง ทดสอบการอ่านข่าวภาคภาษาไทยและภาคภาษาอังกฤษ สวมบทบาท "โฆษกรัฐบาล ..นิวส์จิ๋ว" ณ ตึกนารีสโมสร และยังมีกิจกรรมพิเศษโดยผู้แทนเยาวชนในภูมิภาคต่าง ๆ จะร่วมพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีผ่านระบบซูม (zoom) ณ ตึกสันติไมตรีอีก(หลังใน) อีกด้วย

นอกจากนี้ ยังมีจัดกิจกรรมให้เด็ก ๆ ร่วมส่งข้อความ "อยากบอก #นายกฯ แพทองธาร" ผ่านทาง https://forms.gle/dY8RzbMrPexSsv8j9 ในรูปแบบใดก็ได้ เช่น e-card รูปถ่ายการ์ด คลิป เป็นต้น ตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 9 ม.ค.2568 ทุกข้อความที่น้อง ๆ เด็ก ๆ ส่งมา จะส่งถึงนายกรัฐมนตรี ทุกข้อความที่ส่งมาทั้งการ์ดอิเล็กทรอนิกส์ บัตรอวยพร รวมถึงคลิป จะถูกนำเสนอนายกรัฐมนตรีทราบและเผยแพร่โดยทั่วไปด้วย

วันเด็กแห่งชาติ 2568 : ทำเนียบรัฐบาล

วันเด็กแห่งชาติ 2568 : ทำเนียบรัฐบาล

2. กองทัพอากาศ

ปีนี้ กองทัพอากาศ จัดกิจกรรมวันเด็กที่ฝูงบิน 601 กองบิน 6 พิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศและการบินแห่งชาติ และสนามบินเล็กทุ่งสีกัน และกองบินต่างจังหวัดทั่วประเทศ โดยมีไฮไลท์กิจกรรม เช่น ชมการแสดงการบินสุดตื่นตาจากเครื่องบินรบ, สัมผัสยุทโธปกรณ์ทางทหารอย่างใกล้ชิด, บูธกิจกรรมจากหน่วยงานต่างๆ กิจกรรมบนเวทีมากมาย พร้อมของรางวัลเพียบ รวมถึง อิ่มอร่อยกับอาหารและเครื่องดื่มฟรี อีกด้วย

นอจากนี้ ยังมอบความพิเศษสุด ๆ ให้กับน้อง ๆ พบกับนักบินตัวจริง เส้นทางสู่ฝันอาชีพนักบิน ถ่ายรูปกับเครื่องบิน และยุทโธปกรณ์ สนุกกับเกมส์และกิจกรรมชิงรางวัลมากมาย อย่าพลาดไปร่วมสร้างความทรงจำดี ๆ กัน

วันเด็กแห่งชาติ 2568 กองทัพอากาศ

วันเด็กแห่งชาติ 2568 กองทัพอากาศ

3.สภากาชาดไทย 

ปีนี้ สภากาชาดไทย ชวนเที่ยวงานวันเด็ก "เด็กไทยหัวใจ Volunteer" ตั้งเเต่เวลา 09.00-15.00 น. บริเวณโถงอาคารสิรินธรานุสรณ์ 60 พรรษา สถาบันการพยาบาลศรีสวรินทิรา สภากาชาดไทย ถ.อังรีดูนังต์ โดยน้อง ๆ จะได้ร่วมสนุกกับกิจกรรมพิเศษบริการเพ้นท์หน้าฟรีสุดน่ารักที่จะเติมเต็มรอยยิ้มและจินตนาการของเด็ก ๆ ที่บูธน้ำแร่ธรรมชาติ 6ty degrees ใครไป แนะนำนำถุงผ้ามาด้วย 

วันเด็กแห่งชาติ 2568 :  สภากาชาดไทย

วันเด็กแห่งชาติ 2568 : สภากาชาดไทย

4. กระทรวงศึกษาธิการ

ปีนี้ กระทรวงศึกษาธิการ จัดงานวันเด็กยิ่งใหญ่ ณ กระทรวงศึกษาธิการและบริเวณโดยรอบ ทั้งบริเวณถนนราชดำเนินนอก ด้านหน้ากระทรวงศึกษาธิการ ถนนเลียบคลองผดุงกรุงเกษม และภายในกระทรวงศึกษาธิการ  ตั้งแต่เวลา 07.00 - 16.00 น.  ผ่านกิจกรรม 4 โซน ได้แก่ โซนที่ 1 : Kids Innovation Park เวทีเด็กโชว์ไอเดีย (ภายในกระทรวงศึกษาธิการ) มี การแสดงเรียนดี มีความสุข Festival TALK SHOW พูดคุยกับดาราต้นแบบ My Idol Talk การแสดงดนตรี ด้าน Innovation ด้านศิลปวัฒนธรรมพลังเด็ก

โซนที่ 2 : ห้องเรียนในฝัน โซนตกแต่งด้วยอุปกรณ์ล้ำสมัย ถูกใจเด็ก ๆ (บริเวณถนนราชดำเนินนอก) มีการจำลองห้องเรียน VR เพื่อการศึกษา และการเรียน แบบอินเตอร์แอคทีฟ บูธฐานผจญภัยสำนักงานลูกเสือแห่งชาติ และบูธหน่วยงานเอกชน

โซนที่ 3 : AI Wonderland เป็นบูธจำลองการใช้ AI ในการเรียนรู้การออกแบบ หุ่นยนต์ AI ที่ช่วยทำการบ้าน (บริเวณถนนลูกหลวง) ประกอบด้วย บูธหน่วยงานเอกชน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และรถโมบายเคลื่อนที่ กรมส่งเสริมการเรียนรู้

 โซนที่ 4 : โซนสวนสนุกดิจิทัล : เครื่องเล่นที่เชื่อมโยงกับเทคโนโลยี ได้แก่ สวนสนุกบ้านลมและเครื่องเล่น 

นอกจากนี้ ยังมี ไฮไลท์ที่ต้องมาสัมผัสด้วยตัวเอง คือ กิจกรรมตามรอย ...วังจันทรเกษม ปี 3 ที่จะพาน้อง ๆ ไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ที่บอกเล่าเรื่องราวความเป็นมา จากวังจันทรเกษมสู่กระทรวงศึกษาธิการ ที่ห้องพิพิธภัณฑ์การศึกษาไทย อีกด้วย

Logo หรือตราสัญลักษณ์วันเด็กแห่งชาติ ที่ใช้ต่อเนื่อง 5 ปี ตั้งแต่ปี 2566-2570

Logo หรือตราสัญลักษณ์วันเด็กแห่งชาติ ที่ใช้ต่อเนื่อง 5 ปี ตั้งแต่ปี 2566-2570

5. ตำรวจสอบสวนกลาง

ปีนี้ ตำรวจสอบสวนกลาง จัดงานวันเด็กตั้งแต่เวลา 10.00 น. - 14.00 น. ณ บริเวณลานหน้าศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดยผู้สนใจสามารถเข้างานได้ฟรี พร้อมสนุกกับกิจกรรมมากมายภายในงาน อาทิ กิจกรรมโรยตัวของพี่ ๆ หนุมาน, มีชุดหนุมานเด็ก และโล่เด็ก สำหรับถ่ายภาพ, เปิดห้องซิม (สถานการณ์จำลอง), วงดนตรีสากล, โชว์รถสายตรวจพร้อมให้ความรู้ Active Shooter หนี ซ่อน สู้, โชว์รถโจมตี จากพี่ๆคอมมานโด, โชว์เรือและอุปกรณ์การปฏิบัติงานต่าง ๆ จากพี่ ๆ ตำรวจน้ำ, มีเกมส์ปาโป่ง และตู้คีบตุ๊กตา

นอกจากนี้ยังมี กิจกรรม Kid’s Market สานฝันพ่อค้าแม่ค้า ตัวน้อย, Food truck พิซซ่า แฮมเบอร์เกอร์ สปาเกตตี้ ก๋วยเตี๋ยว ข้าวหมูแดงหมูกรอบ สายไหม ป๊อปคอร์น ไอศครีม น้ำหวาน พร้อมแจกขนม จักรยานยนต์ ของรางวัลและอื่น ๆ อีกมากมาย 

วันเด็กแห่งชาติ 2568 :  ตำรวจสอบสวนกลาง

วันเด็กแห่งชาติ 2568 : ตำรวจสอบสวนกลาง

6.Thai PBS คิดส์เดย์ 2568

ปีนี้ ไทยพีบีเอส ชวนมาเที่ยวที่งาน Thai PBS คิดส์เดย์ 2568 ตอน มหัศจรรย์เด็กไทย ตั้งแต่เวลา 07.00 - 15.00 น. ณ ไทยพีบีเอส ถนนวิภาวดีรังสิต น้อง ๆ จะได้พบ กับกิจกรรมสุดสนุก มากมาย อาทิ สวมบทบาทเป็นผู้ประกาศข่าว ฝึกอ่านข่าวกับผู้ประกาศข่าวตัวจริง เสียงจริง และฝึกเป็น YouTuber ตัวจิ๋ว, Kids Stage เวทีโชว์ความสามารถของเด็กไทย, ทำของเล่นวันวาน สร้างสรรค์ของเล่นโบราณ นำกลับบ้านได้เลย

วันเด็กแห่งชาติ 2568 :  ไทยพีบีเอส

วันเด็กแห่งชาติ 2568 : ไทยพีบีเอส

นอกจากนี้ น้อง ๆ จะได้เปิดโลกดิจิทัล และทดลองจัด Podcast ในสตูดิโอของจริง, เกษตรกรตัวน้อย เรียนรู้วิถีชาวนาไทย สัมผัสประสบการณ์ดำนา, สร้างเครื่องบินจำลองกับ หนูน้อยจ้าวเวหา พร้อมเรียนรู้ทักษะการบินโดรน, อิ่มอร่อยกับป๊อปคอร์น ดูหนังเพลินกับ VIPA, การละเล่นไทยแบบใหม่ ที่เล่นสนุก และเรียนรู้ได้ทั้งครอบครัว รวมถึงเกมร่วมสนุกจากรายการเด็กไทยพีบีเอส และ ALTV

วันเด็กแห่งชาติ

วันเด็กแห่งชาติ

7.อว. For Kids

ปีนี้ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม หรือ อว. จะจัดกิจกรรมวันเด็กพร้อมกัน 3 แห่ง โดยแห่งแรก จัดที่กระทรวง อว. ถนนโยธี แห่งที่สอง ที่ศูนย์การค้าเดอะ สตรีท รัชดากรุงเทพฯ และแห่งที่สาม ที่องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) คลองห้า ปทุมธานี ระหว่างวันที่ 10 - 11 ม.ค.นี้ พร้อม จัดเต็มทั้งความสนุกด้านวิทยาศาสตร์พร้อมกับของรางวัล รวมแล้วกว่า 50,000 ชิ้น เพื่อมอบความสุขความสนุกสนานควบคู่ไปกับสาระความรู้ให้กับน้อง ๆ

อว.มีกิจกรรมด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่เน้นให้เด็กๆ มีส่วนร่วม ได้คิด ได้ลงมือทำ ได้ทดลอง ได้ประดิษฐ์คิดค้นและหาคำตอบ ด้วยตนเอง พร้อมไฮไลท์ขบวนพาเหรดหุ่นยนต์ และกิจกรรมวิเคราะห์ลายนิ้วมือ เพื่อค้นหาศักยภาพการทำงานของสมองทั้ง 2 ซีก ตามหลักการทางพันธุกรรมศาสตร์ ที่จะช่วยประเมินความถนัดของเด็ก แต่ละคนได้อย่างแม่นยำ ส่วนน้อง ๆ ที่อยากท่องอวกาศ ก็มีสถานีจำลองให้น้อง ๆ ได้ลองต่อโมเดลดาวเทียมไทยโชต และดาวเทียมธีออส เพื่อเสริมสร้างการเรียนรู้ รวมไปถึงกิจกรรมอื่น ๆ อีกมากมาย

วันเด็กแห่งชาติ

วันเด็กแห่งชาติ

ไม่เพียงเท่านั้น วันเด็ก 2568 ห้างสรรพสินค้า หลายแห่งยังได้มีการจัดกิจกรรม ให้เด็ก ๆ ได้ร่วมกิจกรรม ให้น้อง ๆ ได้สนุกกับวันเด็กอย่างเต็มที่ ใครใกล้ที่ไหนไปที่นั้นได้เลย

รฟม. ชวนเด็ก ๆ นั่งรถไฟฟ้า MRT ฟรี

นอกจากสถานที่จัดงานวันเด็ก การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ได้เตรียมส่งมอบความสุข พร้อมเสริมสร้างประสบการณ์ในการใช้ระบบขนส่งสาธารณะทางรางให้แก่เด็ก ๆ ด้วย โดยยกเว้นค่าโดยสารรถไฟฟ้ามหานคร ทั้ง 4 สาย ให้แก่เด็ก ๆ ในวันเสาร์นี้ ตลอดระยะเวลาให้บริการ รายละเอียดดังนี้

พร้อมกันนี้ รฟม. เชิญชวนผู้ปกครองและเด็กๆ ร่วมสนุกกับกิจกรรมวันเด็กที่จัดขึ้นตามสถานที่ต่าง ๆ ตลอดแนวเส้นทางรถไฟฟ้า MRT ทั้ง 4 สาย เริ่มต้นที่รถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน โดย รฟม. ร่วมกับ BEM จัดกิจกรรมวันเด็กแห่งชาติ "MRT Land ท่องดินแดนรถไฟฟ้า" ณ Metro Mall สถานีสวนจตุจักร (บริเวณทางออกที่ 3) ตั้งแต่เวลา 11.00 น. เป็นต้นไป โดยกิจกรรมภายในงานประกอบด้วย การแสดงจากเยาวชนโรงเรียนรอบเส้นทางรถไฟฟ้าและศูนย์เยาวชนไทยญี่ปุ่น – ดินแดง การแสดงจากเหล่าสุนัขตำรวจ K9 วีรบุรุษสี่ขา เกม VR ตะลุยอวกาศ โชว์ฝีมือระบายสีเพ้นต์หน้า Photo Booth และอีกหลากหลายกิจกรรม นอกจากนี้ น้อง ๆ ยังสามารถนั่งรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน ไปร่วมกิจกรรม "MRT ส่งความสุขรับวันเด็ก" ที่จัดขึ้นโดย BEM และมิวเซียมสยาม ณ ลานกิจกรรมมิวเซียมสยาม ที่สถานีสนามไชย (ทางออกที่ 1) เวลา 10.00 น. เป็นต้นไป

วันเด็กแห่งชาติ 2568

วันเด็กแห่งชาติ 2568

สำหรับผู้ปกครองที่จะพาน้องๆ มาร่วมท่องเที่ยวกับสถานที่สุดพิเศษในวันเด็กแห่งชาติด้วยบริการรถไฟฟ้า MRT สายสีเหลือง สามารถเลือกเดินทางไปที่สถานีสวนหลวง ร.9 (ทางออกที่ 1) เที่ยวสวนสนุกโยโย่แลนด์ ชั้น 4 ห้างสรรพสินค้า ซีคอนสแควร์ และสถานีศรีด่าน (ทางออกที่ 1) สวนน้ำโพโรโระ อควาพาร์ค สวนน้ำลอยฟ้าแห่งเดียวในประเทศไทย ตั้งอยู่บนดาดฟ้าชั้น 6 ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลบางนา ผู้โดยสารสามารถลงสถานีศรีเอี่ยม (YL17) ทางออกที่ 1 และมีรถ Shuttle bus คอยให้บริการรับ - ส่ง หรือมาร่วมสนุกกันที่ เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ บางกะปิ ซึ่งปีนี้ได้จัดกิจกรรม "THE MALL LIFESTORE KIDS FUNTASIA" สถานีบางกะปิ (YL08) ทางออกที่ 3 และใช้ทางเชื่อมเพื่อเข้าสู่ตัวอาคารได้

หรือหากใช้บริการรถไฟฟ้า MRT สายสีชมพู แนะนำให้เดินทางไปที่สยามอะเมซิ่งพาร์ค เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 10.00 - 18.00 น. ผู้โดยสารสามารถลงสถานีนพรัตน์ (PK26) ทางออกที่ 2 และต่อรถสาธารณะเพียง 1.5 กิโลเมตร หรือเดินทางไปที่สวนน้ำอิชิบะ อควา พาร์ค (ICHIBA AQUA PARK) สวนน้ำในร่มและกลางแจ้งผู้โดยสารสามารถลงสถานีรามอินทรา กม.9 (PK24) ทางออกที่ 2 ปิดท้ายที่อุทยานมกุฏรมยสราญ สวนสาธารณะภายในศูนย์ราชการจังหวัดนนทบุรี เป็นแหล่งเรียนรู้ท่ามกลางธรรมชาติเปิดให้บริการทุกวัน ผู้โดยสารสามารถลงสถานีศูนย์ราชการนนทบุรี (PK01) ทางออกที่ 1

วันเด็กเที่ยวสวนสัตว์ พบ หมูเด้ง - วง Paper Planes

นอกจากนี้ มีแถม "สวนสัตว์เปิดเขาเขียว" เปิดให้เด็กๆ (อายุไม่เกิน 12 ปี หรือ ความสูงไม่เกิน 135 ซม.) และผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป เข้าชมสวนสัตว์ฟรี โดยมีกิจกรรมการแสดงบนเวทีของน้อง ๆ หนูๆ มากความสามารถ "ร้อง เล่น เต้นโชว์", ชมมินิคอนเสิร์ต แก๊งวัยรุ่นฟันน้ำนมร้อง "ทรงอย่างแบด" จากศิลปินวง Paper Planes, ชมโชว์มาสคอตสัตว์ป่าแดนซิ่ง, สนุกกับซุ้มเกมส์ และบูธถ่ายภาพพร้อมรับของขวัญมากมาย

นอกจากนี้ สวนสัตว์เปิดเขาเขียวยังขอเชิญน้องๆ หนูๆ สัมผัสความน่ารัก แสนซน "ลูกฮิปโปโปเตมัสแคระ" เพศเมีย ซุปตาร์ตัวน้อยแห่งเขาเขียว "น้องหมูเด้ง" ได้อย่างใกล้ชิด สัมผัสความน่ารักของช้างว่ายน้ำ ชื่อพลายเขาเขียว โชว์ทักษะว่ายน้ำด้วยลีลาที่น่าทึ่ง ทั้งดำผุดดำว่ายและเดินสองขา ผ่านกระจกใสอย่างใกล้ชิด พลาดไม่ได้กับ พาเหรดเพนกวิน กว่า 60 ตัว เดินอุ้ยอ้ายอวดโฉมน่ารักน่าชัง เยี่ยมชมครอบครัวฮิปโปโปเตมัส หมูหวาน หมูตุ๋น คุณแฟลช สลอตสองนิ้ว

อีกทั้งสามารถให้อาหารฝูงละมั่ง ลีเมอร์หางแหวน ยีราฟ แรดขาว และหนูยักษ์คาปิบาร่า กลุ่มสัตว์ฟันแทะตระกูลหนูขนาดใหญ่ที่สุดในโลก พลาดไม่ได้กับกิจกรรมส่องสัตว์เวลากลางคืน Khao Kheow Night Zoo พบกับอีกหนึ่งมุมมองของชีวิตสัตว์ที่ต่างไปจากในเวลากลางวัน

วันเด็กแห่งชาติ 2568 :  สวนสัตว์เปิดเขาเขียว

วันเด็กแห่งชาติ 2568 : สวนสัตว์เปิดเขาเขียว

"วันเด็ก" วันแห่งความสดใส-ความสุข 

"วันเด็ก 2568" ถือเป็นวันที่เปี่ยมไปด้วยความสดใสและความสุขสำหรับเด็กทั่วประเทศ เป็นวันที่พวกเขาได้รับโอกาสสนุกสนาน เรียนรู้ และแสดงออกถึงความสามารถในบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความรักและการสนับสนุนจากผู้ใหญ่ แล้วทำไมวันเด็กจึงเป็น "วันสดใส" ของเด็ก ๆ นั้นเหรอ

เห็นได้ว่าทุกข้อล้วนเป็นเรื่องดี ๆ ที่เกิดขึ้นในวันนี้ อย่างไรก็ตาม "วันเด็กแห่งชาติ 2568" ขอให้เด็ก ๆ ทุกคนมีความสุข และเติบโตอย่างแข็งแรง

สุขสันต์ วันเด็กแห่งชาติ 2568 

 

อ่านข่าว : 

อยากซื้อเพราะคุณย่าเกิดที่นี่ "อีลอน มัสก์" สนใจซื้อ "ลิเวอร์พูล"

ท่องเที่ยวกระบี่สะเทือน "ลิงแสม" บุกชุมชนรื้อข้าวของเสียหาย

Polar Vortex ไม่ถึงไทย แต่เตรียมตัวหนาวจริง 10-13 ม.ค.


เด็กไทย คว้าแชมป์โลก แกะสลักหิมะนานาชาติ ปี 2025

Wed, 8 Jan 2025 13:07:00

 วันนี้ ( 8 ม.ค.2568 ) สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา เปิดเผยว่า ทีมนักศึกษาอาชีวะไทยได้เข้าร่วมการแข่งขันแกะสลักหิมะนานาชาติประจำปี พ.ศ. 2568 ระหว่างวันที่ 4 – 7 ม.ค. 2568 ที่ เมืองฮาร์บิน สาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งผลการแข่งขัน ปรากฏว่า ทีมนักศึกษาวิทยาลัยอาชีวศึกษาเสาวภา และวิทยาลัยอาชีวศึกษาสระบุรี สามารถคว้ารางวัลชนะเลิศอันดับที่ 1 และทีมวิทยาลัยอาชีวศึกษาสุราษฎร์ธานี ได้รับรางวัลที่ 2 จากการแข่งขันทั้งหมด 55 ทีม จาก 8 ประเทศ ได้แก่ จีน อิตาลี เยอรมัน รัสเซีย มาเลเซีย ไทย โปรตุเกส เบลารุส

โดยทีมนักศึกษาสาขาวิจิตรศิลป์ วิทยาลัยอาชีวศึกษาเสาวภา ประกอบด้วย นายวรัชกร โชติสิริพัชร, นายเพชรธรรม สุขสวัสดิ์, นายธนกฤต ใจเย็น ชั้นปวช.3 และนายอภิโชค จันทนะ ชั้นปวช.2 โดยมีนายสุกฤษ สุธญพลาวุฒิ และนายศรชัย ชนะสุข เป็นครูควบคุมทีม ชื่อผลงาน “สายใยแห่งผู้พิทักษ์คู่แฝด: ผู้พิทักษ์และสายสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างสองวัฒนธรรม

ซึ่งตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ความสัมพันธ์ระหว่างวัฒนธรรมไทยและจีนได้ส่งเสริมการแลกเปลี่ยนศิลปะและวิทยาการรูปแบบใหม่ ความสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมนี้สร้างแรงบันดาลใจให้เราถ่ายทอดและเฉลิมฉลองมรดกทางวัฒนธรรมที่ทั้งสองประเทศมีร่วมกันสายสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นของสองวัฒนธรรมนี้

ผลงาน “สายใยแห่งผู้พิทักษ์คู่แฝด: ผู้พิทักษ์และสายสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างสองวัฒนธรรม

ผลงาน “สายใยแห่งผู้พิทักษ์คู่แฝด: ผู้พิทักษ์และสายสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างสองวัฒนธรรม

เปรียบได้กับ พี่น้องฝาแฝด ซึ่งเป็นรากฐานของประติมากรรมชิ้นนี้ ซึ่งรวบรวมประเพณีทางศิลปะของทั้งสองประเทศ โดยเน้นที่สัญลักษณ์แห่งการปกป้องและคุ้มครองที่ทั้งสองประเทศมีร่วมกัน ได้แก่ ยักษ์ของไทยและจีน รวมถึงสิงโต ซึ่งตามความเชื่อดั้งเดิมจะทำหน้าที่ปกป้องอาคารและบ้านเรือนองค์ประกอบเหล่านี้เมื่อนำมาผสานเข้าด้วยกันแล้ว สามารถแสดงให้เห็นถึงการอยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืนของทั้งสองวัฒนธรรม สะท้อนถึงความสามัคคีและการอยู่ร่วมกันอย่างเป็นหนึ่งเดียวทั้งยังแสดงถึงความเคารพซึ่งกันและกันที่คงอยู่มาช้านาน

ขณะที่ทีมนักศึกษาสาขาวิจิตรศิลป์ วิทยาลัยอาชีวศึกษาสระบุรี ประกอบด้วย นายภัทรภูมิ เจียรนิมิต, นางสาวญาดา มหาพันธน์ ชั้นปวช.3, นายวันนุวรรตน์ โสภาพงษ์ ชั้นปวช.2 และนางสาวชนัญญา เพ็ชรริ ชั้นปวส.1 แผนกวิชาออกแบบ โดยมีนายกิตติพล วิเชียรเชื้อ เป็นครูผู้ควบคุม ชื่อผลงาน “มวยไทย (Thai Fight)

ชื่อผลงาน “มวยไทย (Thai Fight)

ชื่อผลงาน “มวยไทย (Thai Fight)

ศิลปะการต่อสู้มวยไทยอันทรงพลัง ที่แสดงถึงความแข็งแกร่ง ความเป็นนักสู้ ที่มีความสมดุลระหว่างพละกำลังกับความนุ่มนวล พร้อมกับการผสานภาพของศิลปะมวยไทยและช้าง ซึ่งเป็นสัตว์คู่บ้านคู่เมืองของประเทศไทย เป็นสัญลักษณ์แห่งความอดทน ความแข็งแกร่ง และมีพลัง เป็นความผูกพันระหว่างคนไทยกับช้างที่มีมาแต่โบราณ

ทีมนักศึกษาสาขาวิจิตรศิลป์ วิทยาลัยอาชีวศึกษาสุราษฎร์ธานี ประกอบด้วย นายวายุ มีบุญ, นายสิรวิชญ์ พันธุ์บุญ, นายนพสิษฐ์ จารึกรัมย์ ชั้นปวช.2 แผนกวิชาวิจิตรศิลป์ และนายไพพิศาล แหวนวงษ์ ชั้นปวช.1 โดยมีนายพฤติพงษ์ วงศ์วรรณา เป็นครูผู้ควบคุมทีม ชื่อผลงาน “ความสัมพันธ์ไทย – จีน” ความสัมพันธ์ไทย – จีนซึ่งมีความผูกพันกันมายาวนานหลาย  ทั้งนี้ คณะมีกำหนดการเดินทางกลับในวันที่ 8 ม.ค.68 เที่ยวบิน ZH 305 โดยจะเดินทางถึงประเทศไทย ในวันที่ 9 มกราคม 68 เวลา 02.05 น.

อ่านข่าว:

 ยกเลิก100% “ทรงผมนักเรียน” ให้สิทธิเสรีผู้เรียน ไม่ระบุความยาว

กทม.ฝุ่น PM 2.5 เกินมาตรฐานทุกพื้นที่ "หนองแขม" สีแดง - อันดับ 8 โลก

ภัยเงียบออฟฟิศ "Boreout" ความเบื่อหน่ายคุกคามสุขภาพจิตคน


ภัยเงียบออฟฟิศ "Boreout" ความเบื่อหน่ายคุกคามสุขภาพจิตคน

Wed, 8 Jan 2025 10:49:00

เบื่อจนหมดใจ-หมดไฟเพราะงานล้นมือ

Boreout - เบื่อจนหมดใจ เพราะรู้สึกว่างานที่ทำอยู่ไม่มีความหมาย สำหรับพนักงานหลาย ๆ คนที่ตื่นมาในทุก ๆ เช้าแล้วเริ่มรู้สึกว่า งานที่ทำซ้ำซาก ไม่มีความท้าทาย ไม่รู้ว่างานที่ทำอยู่มันมีประโยชน์อะไร หรือรู้สึกว่าองค์กรไม่ได้ใช้ความสามารถของเราอย่างเต็มที่

คำว่า "Boreout" ถูกนำมาใช้ครั้งแรกในปี 2550 โดยนักธุรกิจชาวสวิส Peter Werder และ Philippe Rothlin ในหนังสือ Diagnose Boreout ก่อนหน้านั้นในปี 2534 นักการศึกษาชาวอเมริกัน Barry A.Farber ได้กล่าวถึงภาวะนี้ในชื่อว่า Underchallenged Burnout 

ดร.ล็อตตา ฮาร์ยู ผู้เชี่ยวชาญด้านพฤติกรรมองค์กร อธิบายว่า Boreout คือ ความเบื่อหน่ายเรื้อรังที่เกิดจากการที่เรารู้สึกว่างานที่ทำไม่มีความหมายหรือไม่มีคุณค่าใด ๆ งานที่ทำดูเหมือนไม่มีจุดประสงค์ชัดเจน หรือทำไปก็ไม่มีผลต่อสิ่งใด ความเบื่อหน่ายแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นชั่วคราว แต่เป็นความรู้สึกที่สะสมจนส่งผลต่อสภาพจิตใจและร่างกาย

ปรากฏการณ์ Boreout ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในกลุ่มอาชีพใดอาชีพหนึ่ง แต่พบได้ในหลากหลายอุตสาหกรรม ตั้งแต่พนักงานขายปลีกที่ต้องยืนเฉย ๆ รอลูกค้า ไปจนถึงพนักงานออฟฟิศในบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำ ที่ทำให้คนทำงานรู้สึก "ว่างเปล่า" แม้จะนั่งอยู่หน้าโต๊ะทำงานทั้งวัน ความเบื่อที่ไม่ใช่แค่เรื่องเล็ก ๆ เพราะมันทำให้เกิดความรู้สึกไร้ค่า สูญเสียแรงจูงใจ และส่งผลต่อสุขภาพจิตโดยไม่รู้ตัว

Burnout - หมดไฟเพราะงานล้นมือ ภาวะที่เกิดจากความเครียดและภาระงานที่มากเกินไป งานเยอะจนทำไม่ทัน ทำงานหนักแบบไม่มีเวลาพัก รู้สึกเหมือนตัวเองถูกคาดหวังตลอดเวลา สุดท้ายก็เหนื่อยล้าทั้งร่างกายและจิตใจ จนไม่เหลือแรงแม้แต่จะสนุกกับชีวิต

"เหนื่อยหน่าย-เบื่อหน่าย" บ่วงรัดทั้งเจ้านาย-ลูกน้อง

แม้การแก้ปัญหา Boreout จะเป็นเรื่องท้าทาย แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะแก้ไม่ได้ วิธีที่ง่ายที่สุดคือการหาวิธีสร้างแรงบันดาลใจในงานที่ทำ เช่น การขอรับผิดชอบงานที่น่าสนใจกว่าเดิม แต่สิ่งที่ยากกว่าคือการยอมรับปัญหานี้และพูดคุยกับผู้บริหาร เพราะในวัฒนธรรมองค์กรทั่วไป ความเบื่อหน่ายมักถูกมองว่าเป็นปัญหาส่วนตัว มากกว่าจะเป็นความรับผิดชอบขององค์กร นักวิจัยอย่าง ฟาห์รี ออซซุงกูร์ จากมหาวิทยาลัยเมอร์ซิน ประเทศตุรกี ย้ำว่า

การสร้างคุณค่าในงาน ไม่ใช่หน้าที่ของพนักงานเพียงอย่างเดียว แต่เป็นหน้าที่ของผู้บริหารที่ต้องสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ทำให้พนักงานรู้สึกมีคุณค่า

เช่น การปรับเปลี่ยนงานเล็กน้อยหรือการแสดงความชื่นชมในผลงานของพนักงาน นอกจากนี้ การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในที่ทำงานก็ช่วยลดความเบื่อหน่ายได้เช่นกัน

ผลกระทบของ Boreout - Burnout ต่อองค์กร

ทั้ง 2 ภาวะ นำไปสู่ อัตราการลาออกที่สูงขึ้น ซึ่งสร้างต้นทุนให้กับองค์กรทั้งในด้านการเงินและเวลาในการหาคนใหม่

แล้วลูกน้องอย่างเราควรทำยังไง ?

1.วิเคราะห์ปัญหา ว่าเรากำลังเจอภาวะ Boreout หรือ Burnout อยู่กันแน่ จะช่วยให้เราหาทางแก้ไขได้ถูกทาง หากรู้สึกเบื่อหน่าย งานไม่ท้าทาย และไม่มีเป้าหมายชัดเจน อาจเป็น Boreout แต่ถ้ารู้สึกเหนื่อยล้า เครียด และไม่มีเวลาพักผ่อนเพียงพอ นั่นคือ Burnout

2.เปิดใจพูดคุยกับหัวหน้า เพราะหัวหน้าอาจไม่รู้ว่าคุณกำลังเผชิญปัญหาอะไรอยู่ การเปิดใจพูดคุยอาจช่วยให้คุณได้รับงานที่เหมาะสมขึ้น หรือหัวหน้าอาจปรับเปลี่ยนวิธีการบริหารให้ดีขึ้น

3.สร้างความหมายให้กับงานเอง ถ้างานที่ทำไม่มีความท้าทาย ลองหาวิธีทำให้งานมีความหมายขึ้น เช่น การกำหนดเป้าหมายเล็ก ๆ ให้ตัวเอง หาความท้าทายในสิ่งเล็ก ๆ รอบตัว

4.พักเมื่อไม่ไหว หา (งาน) ใหม่เมื่อพร้อม หากลองทุกวิถีทางแล้วแต่ยังไม่ดีขึ้น คุณอาจต้องพิจารณา หางานใหม่ที่เหมาะกับคุณมากกว่า บางครั้งการเดินออกจากที่ที่ไม่ใช่ อาจเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับชีวิตและสุขภาพจิตของคุณ

ส่วนผู้บริหารควรจัดสรรอะไร ?

1.จัดงานให้พอดี  ท้าทายแต่ไม่ท่วมท้น พนักงานบางคนอาจต้องการงานที่ท้าทายเพื่อกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ ขณะที่บางคนต้องการความชัดเจนและความช่วยเหลือ หัวหน้าที่ดีควรเรียนรู้ ความต้องการและศักยภาพของแต่ละคน แล้วมอบหมายงานที่เหมาะสม

2.เปิดพื้นที่พูดคุย ให้พนักงานกล้าบอกปัญหา หลายครั้งพนักงานที่เบื่อหน่ายหรือเหนื่อยล้าจากงานไม่กล้าพูดคุยกับหัวหน้า เพราะกลัวถูกตำหนิ การสร้างบรรยากาศที่เปิดกว้างให้พนักงานแสดงความคิดเห็นได้ จะช่วยให้หัวหน้าเข้าใจปัญหาและจัดการได้อย่างเหมาะสม

3.กำหนดเป้าหมายงานที่มีคุณค่าและความหมาย พนักงานที่รู้สึกว่างานของตัวเองมีความหมายและมีเป้าหมายที่ชัดเจน จะมีแรงจูงใจในการทำงานมากขึ้น หัวหน้าควรอธิบายว่า งานของพวกเขาส่งผลต่อความสำเร็จขององค์กรอย่างไร

4.สนับสนุนให้พนักงานมีเวลาในการพักผ่อนและทำกิจกรรมส่วนตัว ช่วยลดความเสี่ยงของ Burnout และ Boreout ได้ดี อย่าลืมว่า พนักงานที่มีความสุขจะทำงานได้ดีกว่า

5.ปรับเปลี่ยนงานเมื่อจำเป็น หากพบว่าพนักงานคนใดเริ่มเบื่อหน่าย ควรพิจารณาปรับเปลี่ยนบทบาทหน้าที่ หรือหาโอกาสใหม่ ๆ ให้พวกเขาได้เรียนรู้และพัฒนาตนเอง

จ้างด้วยเงินก็ได้งาน จ้างให้นานต้องจ้างใจ

องค์กรที่จะประสบความสำเร็จ ไม่ได้วัดจากแค่ผลกำไรหรือผลงานในระยะสั้น แต่ต้องวัดจากความสุขและความยั่งยืนของพนักงานด้วย หากหัวหน้างานสามารถป้องกันทั้ง Boreout และ Burnout ได้ องค์กรจะมีพนักงานที่มีประสิทธิภาพ มีความคิดสร้างสรรค์ และพร้อมจะเติบโตไปพร้อมกับบริษัทในระยะยาว

ส่วนผู้ปฏิบัติงาน ทั้ง Boreout และ Burnout ต่างเป็นภัยเงียบที่บั่นทอนชีวิตการทำงานอย่างช้า ๆ หากรู้สึกว่ากำลังติดอยู่ในกับดักนี้ อย่าปล่อยให้ตัวเองจมอยู่กับความรู้สึกแย่นานเกินไป เพราะสุขภาพจิตและความสุขของคุณสำคัญกว่า "ผลงาน" ที่หัวหน้าต้องการเห็น

อ่านข่าวอื่น :

"อังคณา" จี้นายกฯ อย่านิ่งเฉยปมยิงอดีต สส.กัมพูชา ดับกลางกรุง

ทองคำ บวก 150 บาท เปิดตลาด “รูปพรรณ” ขายออก 43,800 บาท



 


กทม.ฝุ่น PM 2.5 เกินมาตรฐานทุกพื้นที่ "หนองแขม" สีแดง - อันดับ 8 โลก

Wed, 8 Jan 2025 07:47:00

วันนี้ (8 ม.ค.2568) เวลา 07.00 น. ศูนย์ข้อมูลคุณภาพอากาศกรุงเทพมหานคร รายงานสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) ในกรุงเทพมหานคร ค่าเฉลี่ย ตรวจวัดได้ 60.9 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.) พบว่าเกินมาตรฐานอยู่ในระดับสีส้ม เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ (มาตรฐานไม่เกิน 37.5 มคก./ลบ.ม.) จำนวน 49 เขต และระดับสีแดง มีผลกระทบต่อสุขภาพ  1 เขต

5 อันดับ ของค่าฝุ่น PM 2.5 เขตสูงสุดในกรุงเทพมหานคร
1 เขตหนองแขม 81.1 มคก./ลบ.ม.
2 เขตคลองสามวา 72.2 มคก./ลบ.ม.
3 เขตภาษีเจริญ 69.9 มคก./ลบ.ม.
4 เขตตลิ่งชัน 69.1 มคก./ลบ.ม.
5 เขตธนบุรี 67.7 มคก./ลบ.ม.

คุณภาพอากาศระดับสีแดง  มีผลกระทบต่อสุขภาพ ประชาชนทุกคน ควรงดกิจกรรมกลางแจ้ง หากมีความจำเป็นต้องทำกิจกรรมกลางแจ้งให้ใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเองทุกครั้ง เช่น หน้ากากป้องกัน PM2.5 หากมีอาการผิดปกติให้รีบไปพบแพทย์ ผู้ที่มีโรคประจำตัว ควรอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยจากมลพิษทางอากาศ ให้เตรียมยาและอุปกรณ์ที่จำเป็นให้พร้อมและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด

สำหรับคุณภาพอากาศระดับสีส้ม เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ ประชาชนทั่วไป ควรใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเอง เช่น หน้ากากป้องกัน PM2.5 ทุกครั้งที่ออกนอกอาคารจำกัดระยะเวลาในการทำกิจกรรมหรือการออกกำลังกายกลางแจ้งที่ใช้แรงมาก
ควรสังเกตอาการผิดปกติ เช่น ไอ หายใจลำบาก ระคายเคืองตา

ประชาชนกลุ่มเสี่ยง ควรใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเอง เช่น หน้ากากป้องกัน PM2.5 ทุกครั้งที่ออกนอกอาคารเลี่ยงการทำกิจกรรมหรือการออกกำลังกายกลางแจ้งที่ใช้แรงมาก ให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ หากมีอาการผิดปกติให้รีบไปพบแพทย์

ขณะที่ IQ Air รายงานสภาพอากาศแบบเรียลไทม์ ระบุว่า ระดับค่ามลภาวะทางอากาศของกรุงเทพมหานครพุ่งขึ้นเป็นอันดับ 8 ของโลกในวันนี้ อยู่ในระดับ 177 ส่งผลกระทบต่อทุกคน

อ่านข่าว :

10-13 ม.ค.อากาศเย็นอีกระลอก อุณหภูมิลดลง 5-7 องศาฯ

สภาพอากาศวันนี้ ไทยตอนบนอุณหภูมิสูงขึ้น 1–2 องศาฯ เหนือ อีสาน ยังหนาว


ไทม์ไลน์แจกเงิน 10,000 "ผู้สูงอายุ" ประกาศชื่อผู้รับสิทธิ 20-21 ม.ค.นี้

Tue, 7 Jan 2025 19:01:00

วันนี้ (7 ม.ค.2568) นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ผ่านผู้สูงอายุ 10,000 บาท ว่า ขณะนี้ สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) หรือ DGA กำลังประมวลผลข้อมูลผู้มีอายุ 60 ปีขึ้นไป ที่ลงทะเบียนบนแอปฯ "ทางรัฐ" ให้เป็นไปตามเงื่อนไขโครงการ จากนั้นจะส่งผลมายังกระทรวงการคลังภายในสัปดาห์นี้ ก่อนส่งให้กรมบัญชีกลางในฐานะหน่วยจ่ายเงินภาครัฐ ตรวจสอบข้อมูลครั้งสุดท้ายก่อนโอนเงิน ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์

ทั้งนี้ เมื่อหน่วยงานตรวจสอบข้อมูลอย่างครบถ้วนแล้วจะแจ้งผลผู้ได้รับเงิน 10,000 บาท ภายในวันที่ 20-21 ม.ค.2568 ผ่านแอปฯ "ทางรัฐ" โดยผู้สูงอายุที่ลงทะเบียนไว้ แต่ไม่มีชื่อได้รับเงิน 10,000 บาท ยังสามารถอุทธรณ์ เพื่อร้องขอให้ทบทวนผลการพิจารณา โดยอาจต้องยื่นเอกสารหลักฐานเพิ่มเติม หากผ่านเกณฑ์คุณสมบัติก็สามารถได้รับเงินตามสิทธิ

ส่วนผู้ผ่านเกณฑ์ครบถ้วน ระบบบนแอปฯ "ทางรัฐ" จะแจ้งเตือนให้ เร่งผูกพร้อมเพย์ กับหมายเลขบัตรประชาชน 13 หลัก ส่วนกำหนดวันโอนเงิน 10,000 บาท อยู่ระหว่างรอนายกรัฐมนตรีเป็นผู้พิจารณา แต่ภายในเทศกาลตรุษจีน หรือ วันที่ 29 ม.ค.นี้ อย่างแน่นอน

นอกจากนี้ กระทรวงการคลังยังคงเงื่อนไขโอนเงินให้ผู้ได้รับสิทธิซ้ำ กรณีโอนครั้งแรกไม่สำเร็จ เป็นจำนวน 3 ครั้ง หากครบกำหนดและไม่ดำเนินการผูกพร้อมเพย์ หรือ บัญชีถูกปิด เงินจะถูกโอนกลับคืนคลังต่อไป

นายจุลพันธ์ ยอมรับว่า การแจกเงินรอบผู้สูงอายุอาจกระตุ้นเศรษฐกิจได้ไม่มากนัก เนื่องจากปริมาณเงินและจำนวนผู้ได้รับสิทธิน้อยกว่ารอบกลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการและผู้พิการ แต่มาตรการรอบผู้สูงอายุ เป็นการประคองการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ เพื่อรักษาโมเมนตัมทางเศรษฐกิจ ต่อเนื่องไปกับ มาตรการลดหย่อนภาษี จากการใช้จ่ายภายใต้โครงการ Easy E-Receipt วงเงิน 50,000 บาท ที่จะเริ่มวันที่ 16 ม.ค.– 28 ก.พ.2568

โดย กระทรวงการคลังจะขอความร่วมมือไปยังกระทรวงพาณิชย์ ติดตามปัญหาร้านค้าอาจฉวยโอกาสปรับขึ้นราคาสินค้า ในช่วงมีมาตรการ Easy E-Receipt เพื่อป้องกันการเอารัดเอาเปรียบประชาชน ผิดวัตถุประสงค์โครงการ หากตรวจพบจะถูกตัดสิทธิห้ามเข้าโครงการภาครัฐอีก เพราะรัฐบาลยอมสูญเสียรายได้ประมาณ 10,000 ล้านบาท เพื่อกระตุ้นการใช้จ่าย และให้เม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ ไม่น้อยกว่า 70,000 ล้านบาท

การดำเนินมาตรการกระตุ้นการบริโภคดังกล่าวเป็นโครงการต่อเนื่องจากไตรมาส 4 ของปี 2567 ถึง ไตรมาสแรกของปี นี้ ทั้งมาตรการแจกเงินกลุ่มเปราะบาง, โครงการไร่ละ 1,000 บาท, การแจกเงินผู้สูงอายุ และมาตรการ Easy E-Receipt จะมีเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไม่น้อยกว่า 150,000 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนให้จีดีพีทั้งปีโตมากกว่า 3%

อ่านข่าว : ภาวะ "น้ำตาลในเลือดต่ำ" เกิดจากอะไร สิ่งที่ต้องระวัง

"ซิงซิง" ถึงไทยแล้ว จเรตำรวจเตรียมนำตัวเข้ากรุงเทพคืนนี้

กลับมาระบาด ชาวประมงหยุดล่าปลาหมอคางดำ เหตุไม่คุ้มทุน


สมเด็จพระสังฆราช ประทานพระคติธรรมเนื่องในวันเด็ก 2568

Tue, 7 Jan 2025 16:48:00

วันนี้ (7 ม.ค.2568) สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ประทานพระคติธรรม เนื่องในวันเด็กแห่งชาติ พุทธศักราช 2568 สำหรับลงพิมพ์ในหนังสือวันเด็กแห่งชาติ ปี 2568 ความว่า

คติธรรมเนื่องในวันเด็กแห่งชาติ 11 มกราคม 2568 เด็ก ๆ คงเคยได้ยินคำว่า "อิทธิฤทธิ์" และใฝ่ฝันจะมีอิทธิฤทธิ์ดลบันดาลสรรพสิ่งให้สำเร็จได้ดังใจปรารถนากันมาแล้วทุกคน

อันที่จริงแล้วคำว่า "อิทธิ" กับ "ฤทธิ" นั้นเป็นคำที่มีความหมายอย่างเดียวกัน แปลว่า ความสำเร็จ ถ้าจะกล่าวในทางพระพุทธศาสนา ผู้ประสงค์จะประสบความสำเร็จในกิจใด ตั้งแต่ในชั้นต้นทางโลก เช่น เรียนเก่ง ร่ำรวย เฉลียวฉลาด มีตำแหน่งหน้าที่การงานตามที่ปรารถนา กระทั่งถึงชั้นที่ยากยิ่งขึ้นไปในทางธรรมะ เช่น การมีปัญญารู้แจ้งเห็นจริง ได้มรรคผลเป็นพระอริยบุคคลไปตามลำดับ จำเป็นต้องอบรมเจริญคุณธรรมที่เรียกว่า "อิทธิบาท 4" ด้วยกันทั้งสิ้น

อิทธิบาททั้ง 4 ข้อนั้น ประกอบด้วย ฉันทะ คือความพอใจรักที่จะทำสิ่งนั้น, วิริยะ คือความขยันหมั่นเพียร อดทน ไม่ท้อถอย, จิตตะ คือการตั้งจิตจดจ่อในสิ่งที่ทำ และวิมังสา คือปัญญาพิจารณาใคร่ครวญ ตรวจหาเหตุผล รู้เท่าทัน เห็นข้อยิ่งข้อหย่อนในสิ่งที่ทำนั้น รู้จักวางแผน วัดผล คิดค้นวิธีแก้ไขปรับปรุบปรุงเสมอ

ขอจงสังเกตให้เห็นชัดว่าในอิทธิบาท 4 นั้น ไม่มีคำว่าร้องขอ อ้อนวอน เบื่อหน่าย เกียจคร้าน ท้อถอย เลื่อนลอย ไม่มีสมาธิ สะเพร่า และไม่รอบคอบ เพราะฉะนั้น ขอให้เด็ก ๆ จงพัฒนาตนให้เป็นผู้ประกอบฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา อย่างสมดุลในทุกการคิด การพูด และการกระทำ อย่าเป็นคนมักง่าง่าย ใจเร็ว ด่วนได้ อย่ามุ่งคว้าเอาแต่ผลได้ โดยไม่คำนึงถึงการสร้างเหตุที่ชอบธรรม ขอให้มั่นในอิทธิบาท อันมีพลังอานุภาพวิเศษ ช่วยให้ทุกคนประสบความสำเร็จในสิ่งดีงามได้สมดังใจปรารถนา

ขออำนวยพรให้เด็กและเยาวชนทุกคน เป็นผู้มีอิทธิฤทธิ์ในสุจริตธรรม เพราะการครองอิทธิบาท 4 โดยครบถ้วนสมบูรณ์ ขอจงรักษาเพิ่มพูนคุณลักษณะความเป็นผู้มีความรู้คู่คุณธรรม เพื่ออนาคตของตน และของสังคมไทยที่รักของเราทุกคน

อ่านข่าว : “สมเด็จพระสังฆราช” ประทานพระคติธรรม-พรปีใหม่ 2568 

ปฏิทินวันหยุดมกราคม 2568 เฉลิมฉลองปีใหม่อย่างสนุกสนาน